วิตกข้อพิพาทจีน-สหรัฐฉุดดาวโจนส์-แนสแด็กดิ่งหนัก
ดัชนีดาวโจนส์และดัชนีแนสแด็ก ปิดตลาดวันอังคาร(8ก.ย.)ปรับตัวร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า จะลดระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีน
ดัชนีดาวโจนส์ ปรับตัวร่วงลง 632.42 จุด หรือ 2.3% ปิดที่ 27,500.89 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 2.8% ปิดที่ 3,331.84 จุด และดัชนีแนสแด็ก ดิ่งลง 4.1% ปิดที่ 10,847.69 จุด
ดัชนีแนสแด็กดิ่งลงอย่างหนัก หลังราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ อันเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนเทขาย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไป นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวว่า จะลดระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีน พร้อมกับขู่ว่าจะใช้มาตรการลงโทษบริษัทของสหรัฐที่ไปสร้างงานในต่างประเทศ และจะกีดกันบริษัทที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีนไม่ให้ได้รับสัญญาทางธุรกิจกับรัฐบาลกลางสหรัฐ
“เราจะผลิตชิ้นส่วนสำคัญที่ใช้ในด้านการผลิตภายในประเทศของเรา เราจะให้เครดิตภาษีแก่สินค้าที่ตีตรา ‘Made in America’ และเราจะนำตำแหน่งงานกลับคืนสู่สหรัฐ ขณะเดียวกันเราจะเรียกเก็บภาษีบริษัทที่ออกไปสร้างงานในจีนและในประเทศอื่นๆ หากบริษัทเหล่านี้ไม่สามารถทำธุรกิจในสหรัฐได้ ก็ปล่อยให้พวกเขาเสียภาษีก้อนใหญ่เพื่อจะออกไปสร้างงานในต่างประเทศ และส่งสินค้ากลับมาขายในประเทศเรา” ปธน.ทรัมป์ กล่าว
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนส.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นเอฟไอบี), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (เจโอแอลทีเอส) เดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) เดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค. และอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.