'อิสราเอล' ติดตั้งโรงเรือนหลังที่สอง โครงการหุบกะพง เพชรบุรี
สถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ติดตั้งโรงเรือนหลังที่สอง ณ ศูนย์สาธิตสหกรณ์โครงการหุบกะพง จังหวัดเพชรบุรี ช่วยพัฒนาเกษตรกรรมท้องถิ่นให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
วันนี้ (27 ต.ค.) นางสมาดาร์ ชาพิรา รองหัวหน้าผู้แทนทางการทูต สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย และนายอัชฌา สุวรรณณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโรงเรือนหลังที่สอง ณ ศูนย์สาธิตสหกรณ์โครงการหุบกะพง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
โรงเรือนหลังที่สองนี้ติดตั้งระบบน้ำหยดและฉีดฝอยของอิสราเอล เพื่อช่วยให้การเกษตรกรรมมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โรงเรือนหลังนี้ได้รับการสนับสนุนจาก มาชาฟ หรือ ศูนย์ความร่วมมือด้านการพัฒนาระหว่างประเทศของอิสราเอล หลังจากที่การเปิดโรงเรือนหลังแรกเพื่อเป็นแปลงสาธิตของเกษตรกรในท้องที่เมื่อปี 2561 ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี
ความร่วมมือกับศูนย์สาธิตสหกรณ์โครงการหุบกะพงเริ่มขึ้นในช่วงคริสตทศวรรษ 1960 ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีพระราชประสงค์จัดตั้งหมู่บ้านสหกรณ์ขึ้นที่หุบกะพง อิสราเอลสนองพระราชดำริด้วยการส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร มาช่วยเกษตรกรในพื้นที่เอาชนะอุปสรรคความยากลำบากในการเกษตรกรรม อันเป็นที่มาของหมู่บ้านสหกรณ์ภายใต้ “โครงการการพัฒนาชนบทไทย-อิสราเอล”
หมู่บ้านหุบกะพงได้นำรูปแบบชุมชนของอิสราเอลที่เรียกว่า “โมชาฟ” มาปรับใช้ “โมชาฟ” เป็นชุมชนที่สมาชิกสามารถมีที่ดินในครอบครอง และแบ่งปันผลกำไรตามผลผลิตของแต่ละบุคคล โครงการดังกล่าวประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แผ่นดินแห้งแล้งของหุบกะพงกลายเป็นที่ดินอุดมสมบูรณ์ และเป็นศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนอื่นๆ
อิสราเอลสถาปนาประเทศเมื่อปี 2491 สิบปีหลังจากนั้นจึงได้ก่อตั้ง มาชาฟ ศูนย์ความร่วมมือด้านการพัฒนาระหว่างประเทศของอิสราเอล เป็นเวลากว่า 60 ปีที่มาชาฟมุ่งมั่นจะแบ่งปันความรู้ที่ได้จากการพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน เช่น เกษตรกรรม การศึกษา การแพทย์ วิทยาศาสตร์ และวิทยาการ ให้ประเทศต่างๆ กว่า 130 ประเทศทั่วโลก ในหลายรูปแบบตั้งแต่การฝึกอบรมไปจนการสาธิต ทั้งนี้ มีชาวไทยกว่าหนึ่งพันคนเข้าร่วมในโครงการต่างๆ