‘ดาวโจนส์’บวก 265 จุดขานรับคืบหน้าวัคซีนโควิด
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันอังคาร(10พ.ย.)ปรับตัวขึ้น 265 จุด โดยยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากที่ทะยานขึ้นวานนี้ ขานรับความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ด้วยความหวังว่าวัคซีนโควิด-19 จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 265.95 จุด หรือ 0.90% ปิดที่ 29,420.92 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 4.97 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 3,545.53 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 159.93 จุด หรือ 1.37% ปิดที่ 11,553.86 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 800 จุดเมื่อวันจันทร์(9พ.ย.) ทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. หลังจากไฟเซอร์ อิงค์ บริษัทยารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech บริษัทยาของเยอรมนี แถลงความคืบหน้าครั้งใหญ่ในการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19
ข่าวความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนดังกล่าว ส่งผลให้หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น สายการบิน ค้าปลีก และธุรกิจเรือสำราญ ต่างปรับตัวขึ้นในวันนี้ แต่หุ้น Zoom Video Communications รวมทั้งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เคยได้ประโยชน์จากการที่ประชาชนต้องทำงานที่บ้านในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่างดิ่งลงตามกัน
ทั้งนี้ ไฟเซอร์และ BioNTech แถลงว่า ผลการทดลองบ่งชี้ว่าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสสำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน และบริษัทจะจดทะเบียนวัคซีนต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) ในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะมีการผลิตวัคซีน 50 ล้านโดสภายในปีนี้ และ 1,300 ล้านโดสในปีหน้า
นายไรอัน ริชาร์ดสัน หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ของ BioNTech กล่าวว่า ทางบริษัทจะคิดค่าวัคซีนดังกล่าวต่ำกว่าราคาตลาด และจะตั้งราคาแตกต่างกันในแต่ละประเทศและภูมิภาค เพื่อให้ประเทศต่างๆทั่วโลกสามารถเข้าถึงวัคซีนดังกล่าว แต่ก็จะคุ้มกับความเสี่ยงทางการเงินในการลงทุนเพื่อพัฒนาวัคซีนดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นยังได้แรงหนุนจากการที่นายโจ ไบเดน ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งได้ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยนายไบเดนให้คำมั่นว่าเขาจะทำให้การถ่ายโอนอำนาจเป็นไปอย่างราบรื่น และจะผลักดันมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งมาตรการสำคัญอื่นๆ
ส่วนผลการเลือกตั้งในสภาคองเกรสนั้น ล่าสุด พรรคเดโมแครตมีแนวโน้มที่จะยังคงครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ในขณะที่การแข่งขันในวุฒิสภายังคงมีความไม่แน่นอน โดยมีแนวโน้มว่าการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกในรัฐจอร์เจียอาจจะต้องตัดสินด้วยการลงคะแนนเสียงรอบสองในเดือนม.ค.
หากนายไบเดนคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ และพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากอย่างเบ็ดเสร็จในสภาคองเกรสทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ก็จะทำให้การขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากที่ถูกขัดขวางในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
แต่ถ้าหากพรรครีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ก็จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นเช่นกัน โดยจะทำให้นโยบายการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลของนายไบเดนอาจไม่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส ทำให้บริษัทจดทะเบียนยังคงได้รับประโยชน์จากนโยบายลดอัตราภาษีของรัฐบาลทรัมป์ต่อไป
นอกจากนี้ การถ่วงดุลอำนาจดังกล่าว จะช่วยลดโอกาสที่รัฐบาลของนายไบเดนจะทำการออกมาตรการควบคุมกฎระเบียบสถาบันการเงิน และบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐ