'จีน-สหรัฐ' ตอบโต้หนักข้อหวั่นฉุดการค้ายุค 'ไบเดน'
'จีน-สหรัฐ'ตอบโต้หนักข้อหวั่นฉุดการค้ายุค“ไบเดน” มีทั้งการลบแอพพลิเคชันกว่า100 แอพฯรวมทั้งแอพฯบริษัทให้บริการท่องเที่ยวสัญชาติสหรัฐในจีน และการประกาศอายัดทรัพย์สินเจ้าหน้าที่จีน14คน
ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างจีนและสหรัฐในช่วงเวลาที่สหรัฐใกล้เปลี่ยนตัวผู้นำคนใหม่เลวร้ายลงเรื่อยๆและต่างฝ่ายต่างตอบโต้กันไปมา ชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร จนทำให้ผู้สังเกตุการณ์มองว่า การตอบโต้ที่เกิดขึ้นอาจนำไปสู่กรณีพิพาททางการค้าในอนาคตและทำให้รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การบริหารของโจ ไบเดน ดำเนินความสัมพันธ์กับรัฐบาลปักกิ่งได้ยากขึ้น
วานนี้ (8 ธ.ค.) รัฐบาลจีน ประกาศลบแอพพลิเคชันจำนวน 105 แอพฯ ซึ่งรวมถึงแอพฯของบริษัททริปแอดไวเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยวของสหรัฐ ออกจากแอพสโตร์ในประเทศจีน ภายใต้มาตรการกวาดล้างแอพพลิเคชันที่มีแนวโน้มเผยแพร่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับภาพลามกอนาจาร การค้าประเวณี การพนัน และความรุนแรง
คณะกรรมการบริหารจัดการด้านไซเบอร์สเปซของจีนแถลงผ่านเว็บไซต์ว่า แอพพลิเคชันต่างๆ มีพฤติกรรมละเมิดกฎหมายด้านไซเบอร์ของจีนอย่างน้อย 1 ใน 3 ข้อ แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของแต่ละแอพฯ โดยเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารจัดการด้านไซเบอร์สเปซของจีนเริ่มออกมาตรการกวาดล้าง หลังจากประชาชนร้องเรียนเกี่ยวกับเนื้อหาที่เป็นภัย โดยคณะกรรมการฯ จะเดินหน้าใช้กฎระเบียบที่เข้มงวด และกำจัดแอพพลิเคชันที่ละเมิดกฎหมายต่อไปในเวลาที่เหมาะสม
การเคลื่อนไหวของทางการจีน มีขึ้นในวันเดียวกับที่กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการคลังของสหรัฐออกแถลงการณ์ เมื่อวันจันทร์ (7 ธ.ค.)อายัดทรัพย์สินในสหรัฐ และห้ามการเดินทางเข้าประเทศ ของคณะรองประธานในคณะกรรมการถาวร ของสภาประชาชนแห่งชาติจีน ( เอ็นพีซี ) ทั้ง 14 คน ซึ่งเป็นหน่วยงานโดยตรงที่บัญญัติกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ และบังคับใช้กับฮ่องกง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา
คณะรองประธานนำโดยนายหวัง เฉิน ในฐานะรองประธานคนที่หนึ่ง และเป็นหนึ่งในสมาชิก 25 คน ของกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ หรือโปลิตบูโร ชุดที่ 19 ซึ่งเป็นชุดปัจจุบัน
แต่นายหลี่ จ้านซู ประธานเอ็นพีซีคนปัจจุบัน และสมาชิกอันดับ 3 จาก 7 อันดับในคณะกรรมการประจำของโปลิตบูโร ซึ่งตามลำดับถือเป็นหนึ่งในบุคคลใกล้ชิดที่สุดกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังไม่มีชื่ออยู่ในบัญชีการคว่ำบาตรครั้งนี้
"ไมค์ ปอมเปโอ" รมว.กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวถึงการยกระดับมาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้ ว่าเป็นผลจากการที่รัฐบาลปักกิ่งยังไม่ลดละการทำลายกระบวนการประชาธิปไตยของฮ่องกง รัฐบาลวอชิงตันทยอยขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนในคณะผู้บริหารฮ่องกง ตั้งแต่เดือนส.ค. ที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นคือนางแคร์รี หล่ำ หัวหน้าคณะผู้บริหารคนปัจจุบัน
นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรในกรุงวอชิงตัน มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ชาวฮ่องกงสามารถยื่นขอรับสถานะคุ้มครองชั่วคราว เป็นเวลา 5 ปี ให้สามารถอาศัยและทำงานในสหรัฐ โดยเป็นสถานะเดียวกับที่ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียจำนวนหนึ่งได้รับ ก่อนปูทางสู่การขอรับพิจารณาสถานะที่ถาวรกว่านี้ต่อไป
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากรัฐบาลวอชิงตัน ยกเลิกโครงการความร่วมมือด้านการศึกษาและวัฒนธรรมกับจีน 5 โครงการ โดยให้เหตุผลว่าโครงการทั้งหมดมีเจตนา โฆษณาชวนเชื่อ และการเพิ่มความเข้มงวดในการออกวีซ่า รวมทั้งการตรวจลงตราให้กับสมาชิกพรรคคคอมมิวนิสต์จีนและครอบครัว จากเดิมคือสูงสุด 10 ปี และใช้ได้หลายครั้ง เหลือเพียงสูงสุด 1 เดือน และสามารถใช้เพื่อการเข้าออกครั้งเดียวเท่านั้น