'วิกฤตโควิด-19'หนุนบ.ผิดนัดชำระหนี้ทั่วโลกเพิ่ม

'วิกฤตโควิด-19'หนุนบ.ผิดนัดชำระหนี้ทั่วโลกเพิ่ม

'วิกฤตโควิด-19'หนุนบ.ผิดนัดชำระหนี้ทั่วโลกเพิ่ม รวมทั้งบริษัทในสหรัฐและในจีน โดยสิ่งที่จะเกิดตามมาคือการล้มละลายของบริษัทจำนวนมากที่มีหนี้สินมหาศาลจนไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อีก

จำนวนบริษัทผิดนัดชำระหนี้ในจีนและในสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตัวเลขบริษัททั่วโลก 223 แห่ง ที่มีปัญหาผิดนัดชำระหนี้ หรือแม้กระทั่งไม่สามารถจ่ายคืนดอกเบี้ยได้ในปี2563 กลับทะยานขึ้นสองเท่าเพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19

การปรับตัวเพิ่มขึ้นของบริษัทผิดนัดชำระหนี้ท่ามกลางภาวะขาลงที่ถือว่าอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของอัตราดอกเบี่้ย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทในสหรัฐและในยุโรปแบกรับหนี้สินจำนวนมากตลอดช่วงสองสามปีที่ผ่านมา หากว่าตลาดพันธบัตรมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของบริษัทเหล่านี้และผลตอบแทนของพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้น สิ่งที่จะเกิดตามมาคือการล้มละลายของบริษัทจำนวนมากที่มีหนี้สินมหาศาลจนไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อีก

การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้บริษัทในจีนเริ่มแพร่กระจายไปทั่วตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว โดยหุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระหนี้หรือถูกเลื่อนชำระออกไป มีมูลค่ากว่า 200,000 ล้านหยวน (ประมาณ 30,500 ล้านดอลลาร์)ชานซี อินเตอร์เนชั่นแนล อีเนอร์จี ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลจีน มีแผนออกหุ้นกู้มูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์แต่บรรดานักลงทุนกลับสนใจซื้อหุ้นกู้น้อยมากแค่ 500 ล้านหยวนจากที่ยริษัทเสนอขาย และมีรัฐวิสาหกิจจีนอีกหลายแห่งที่เจอปัญหาผิดนัดชำระหนี้ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงชิงหัว ยูนิกรุ๊ป บริษัทผลิตชิปชั้นนำของจีน

เฉิงซิน บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของจีนได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของชิงหัว ยูนิกรุ๊ปจากAAA คือมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำที่สุด มาอยู่ที่ AA และยังอยู่ในรายชื่อบริษัทที่ต้องจับตาเนื่องจากเสี่ยงที่จะถูกลดอันดับลงอีก

เฉิงซิน ระบุว่า การชำระหนี้คืนของชิงหัว ยูนิกรุ๊ป ยังไม่แน่นอน เนื่องจากบริษัทต้องเจอแรงกดดันอย่างหนักในการรวบรวมเงินทุนเพื่อชำระหนี้ที่ใกล้จะครบกำหนด และยังไม่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในการปรับโครงสร้างเชิงกลยุทธ์ ซึ่งหลังจากถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วบรรดานักลงทุนจึงพากันทิ้งหุ้นกู้ของชิงหัว ยูนิกรุ๊ป

ชิงหัว ยูนิกรุ๊ป เป็นบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ก่อตั้งโดยมหาวิทยาลัยชิงหัว เน้นการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีพนักงานในบริษัทประมาณ 40,000 คน และมีบริษัทลูกอีกหลายแห่ง เช่น ยูนิสเปลนเดอร์ คอร์พอเรชัน ลิมิเท็ด และยูนิกรุ๊ป เกาซิน ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ โค

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทหยงเฉิง โคล แอนด์ อิเล็กทริกซิตี โฮลดิง กรุ๊ป ซึ่งลงทุนในธุรกิจถ่านหิน กระแสไฟฟ้า ทางรถไฟ สารเคมี และเหมืองแร่ ล่าสุด บริษัทออกแถลงการณ์ว่าไม่สามารถชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยของหุ้นกู้ หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น มูลค่า 1,000 ล้านหยวน หลังจากประกาศระดมทุนผ่านตราสารหนี้มูลค่า 1,000 ล้านหยวนก่อนหน้านี้

หัวเฉิน ออโตโมทีฟ กรุ๊ป รัฐวิสาหกิจหลักที่ทางการมณฑลเหลียวหนิงเป็นเจ้าของ และเป็นบริษัทแม่ของบริลลิแอนซ์ ออโตโมทีฟ โฮลดิงส์ บริษัทร่วมทุนระหว่างจีนกับบีเอ็มดับเบิลยูผิดนัดชำระหนี้ตราสารหนี้มูลค่า 1,000 ล้านหยวนเมื่อเดือนที่แล้ว โดยอ้างว่ามีปัญหาทางการเงิน และหัวเฉินแจ้งว่าบรรดาเจ้าหนี้ของบริษัทได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ปรับโครงสร้างบริษัท โดยปัจจุบันบริษัทมีพนักงานทั้งหมด 47,000 คน และมีทรัพย์สินมากกว่า 190,000 ล้านหยวน

นอกจากนี้ บอนด์ยีลด์ของบริษัทในจีนก็ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราดอกเบี้ยโดยเฉลี่ยสำหรับหุ้นกู้เกรด AAA ของบริษัทจีนนับตั้งแต่เดือนพ.ย.อยู่ที่ 4.07% ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกเดือน โดยตั้งแต่เดือนก.ค.-ส.ค.อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.47% และตั้งแต่เดือนก.ย.-ต.ค.อยู่ที่ 3.74%

ขณะที่ข้อมูลจากเอสแอนด์พี โกลบอล ที่จัดอันดับบริษัททั่วโลก ระบุว่า จำนวนบริษัทผิดนัดชำระหนี้ในสหรัฐในปีนี้เพิ่มขึ้น 80% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ เป็น 143แห่ง ส่วนบริษัทที่ผิดนัดชำระหนี้ในยุโรปเพิ่มขึ้น 2.8 เท่าเป็น 42แห่งและจำนวนบริษัทผิดนัดชำระหนี้ในชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่ ซึ่งรวมถึงจีน เพิ่มขึ้น 30% เป็น 28 แห่ง แม้จำนวนรวมของบริษัทที่ผิดนัดชำระหนี้โดยรวมยังต่ำกว่าเมื่อปี 2552

ส่วนการผิดนัดชำระหนี้ในสหรัฐยังคงอยู่ในอุตสาหกรรมค้าปลีกเป็นส่วนใหญ่ อย่างกรณีเจ.ซี.เพนนี ที่ประกาศล้มละลาย เช่นเดียวกับในสหราชอาณาจักร ที่อาร์คาเดีย กรุ๊ป ค้าปลีกเสื้อผ้าแฟชันแบรนด์ท็อปช็อป ประกาศล้มละลายเมื่อเดือนพ.ย. และเมื่อนับรวมทั่วโลก การผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท223แห่ง 60% อยู่ใน4อุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมพลังงานและอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภค-บริโภค