‘นโยบายภาษีของทรัมป์’ ส่อดันราคาสินค้าในสหรัฐพุ่งแรง

‘นโยบายภาษีของทรัมป์’ ส่อดันราคาสินค้าในสหรัฐพุ่งแรง

'แผนภาษีทรัมป์' ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าทั่วโลก อาจทำให้ราคาสินค้าในหมวดเสื้อผ้า ของเล่น เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าภายในบ้านพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก หลายฝ่ายได้เตือนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะต่อครัวเรือนที่มีรายได้น้อย

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานอ้างสมาพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐว่า ข้อเสนอการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าทั่วโลกของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลให้ “ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก” ในหมวดเสื้อผ้า ของเล่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ภายในบ้าน รองเท้า และสินค้าสำหรับการเดินทาง 

สำหรับการศึกษานี้ ซึ่งเผยแพร่ในช่วงก่อนวันเลือกตั้ง ได้เพิ่มหลักฐานจากการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่เตือนถึงผลกระทบจาก “เงินเฟ้อ” อันเนื่องมาจากนโยบายการค้าสายแข็งนี้

ทรัมป์กล่าวว่า จะกำหนดอัตราภาษี 10% หรือ 20% กับสินค้านำเข้าทั้งหมดอย่างครอบคลุม นอกจากนี้ เขายังเสนออัตราภาษีที่สูงเป็นพิเศษสำหรับสินค้าจากจีนในช่วงระหว่าง 60% ถึง 100%

หากทรัมป์ขึ้นภาษีดังที่หาเสียงไว้ สมาพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐพบว่า จะก่อให้ราคาสินค้าพุ่งขึ้นอย่าง “รุนแรง” เป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์สองหลักในเกือบทุกหมวดค้าปลีกทั้งหกประเภทที่กลุ่มการค้าได้ศึกษา ตัวอย่างเช่น ราคาของเสื้อผ้าอาจเพิ่มขึ้นระหว่าง 12.5% ถึง 20.6% นั่นหมายความว่ากางเกงยีนส์ผู้ชายราคา 80 ดอลลาร์ จะเพิ่มเป็น 90 ถึง 96 ดอลลาร์ หรือเสื้อโค้ทราคา 100 ดอลลาร์ จะมีราคาแพงขึ้นเป็น 112 ถึง 121 ดอลลาร์

ตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐระบุว่า ราคาที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยเฉพาะครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ซึ่งใช้จ่ายกับเสื้อผ้าเป็นสามเท่าของสัดส่วนงบรายเดือน เมื่อเทียบกับครัวเรือนที่มีรายได้สูง 

รายงานยังพบว่า การเพิ่มขึ้นของราคาที่สูงที่สุดอาจเกิดขึ้นกับ “ของเล่น” โดยเพิ่มขึ้นระหว่าง 36.3% ถึง 55.8% อีกทั้งราคาของเปลเด็กที่ราคา 200 ดอลลาร์ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นระหว่าง 213 ถึง 219 ดอลลาร์

ในระดับมหภาค การเพิ่มขึ้นของราคานี้จะลดทอนการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยสินค้าค้าปลีกที่มีราคาสูงขึ้น จะทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงถึง 46,000 ล้านดอลลาร์ หากทรัมป์ดำเนินการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าทั่วโลกและอัตราภาษีสูงพิเศษสำหรับสินค้าจากจีน

“การเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าในวงกว้างตามที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เสนอ จะเป็นเหมือนการขึ้นภาษีครั้งใหญ่สำหรับครอบครัวชาวอเมริกัน เนื่องจากพวกเขาจะต้องจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมด ซึ่งจะลดกำลังซื้อและส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการใช้จ่ายของพวกเขาและต่อเศรษฐกิจโดยรวม” มาร์ค แซนดี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Moody's กล่าว

ด้านรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริสได้มองว่า แผนภาษีของทรัมป์ เป็นในเชิงวงกว้าง ซึ่งจะผลกระทบต่อผู้บริโภคชาวอเมริกัน โดยเธอสนับสนุนแนวทางที่มุ่งเป้าไปที่ภาษีอย่างเฉพาะเจาะจงมากกว่า

“หากมีการเรียกเก็บภาษีที่สูงขึ้นกับสินค้านำเข้าจากจีน การผลิตเหล่านี้จะย้ายไปยังประเทศที่พัฒนาน้อยกว่า” แมรี เลิฟลี นักวิจัยอาวุโสที่สถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ กล่าว


อ้างอิง: cnbc