'Bitcoin' พุ่ง 46,000 ดอลลาร์รับข่าวดี 'เทสลา'

'Bitcoin' พุ่ง 46,000 ดอลลาร์รับข่าวดี 'เทสลา'

บิทคอยน์ (Bitcoin) ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันจันทร์ (8 ก.พ.) ตามเวลาสหรัฐ ล่าสุดพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 46,000 ดอลลาร์ ขานรับข่าว "เทสลา" ซื้อบิทคอยน์จำนวน 1,500 ล้านดอลลาร์ และประกาศพร้อมรับบิทคอยน์จากลูกค้าสำหรับการซื้อรถยนต์

ราคาบิทคอยน์ ดีดตัวขึ้น 5,440 ดอลลาร์ หรือ 13.99% แตะระดับ 46,000 ดอลลาร์ ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coinbase ณ เวลาประมาณ 05.30 น.วันอังคาร (9 ก.พ.) ตามเวลาไทย

เทสลา อิงค์ บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของนายอีลอน มัสก์ ส่งหนังสือแจ้งต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (กลต.) หรือก.ล.ต.สหรัฐว่า ทางบริษัทได้เข้าซื้อบิทคอยน์คิดเป็นมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 45,000 ล้านบาท

เทสลาระบุว่า “ทางบริษัทได้ซื้อบิทคอยน์เพื่อให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการกระจายการลงทุน และเพื่อให้เงินสดของบริษัทสร้างผลตอบแทนสูงสุด”

นอกจากนี้ เทสลาเปิดเผยว่า บริษัทจะเริ่มต้นรับบิทคอยน์จากลูกค้าสำหรับการซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัท

บิทคอยน์ได้พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว หลังจากที่นายอีลอน มัสก์ติดแฮชแท็ก #bitcoin ในบัญชีทวิตเตอร์ของเขา

161283307163

บิทคอยน์เคยพุ่งขึ้นใกล้ระดับ 42,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นปีนี้ หลังจากที่ทะยานขึ้นมากกว่า 300% ในปีที่แล้ว

นักวิเคราะห์จากบริษัทโซเชียล แคปิตัลคาดการณ์ว่า บิทคอยน์ยังคงสามารถพุ่งขึ้นต่อไป โดยอาจไปถึง 100,000 ดอลลาร์, 150,000 ดอลลาร์ และ 200,000 ดอลลาร์

นายนิโคลัส ปานิเกอร์โซโกล นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่า ในระยะยาวบิทคอยน์มีแนวโน้มทะยานขึ้นแตะระดับ 146,000 ดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ทำให้บิทคอยน์มีแนวโน้มแข็งแกร่งมาจากการที่นักลงทุนเริ่มกระจายการลงทุนด้วยการเข้าซื้อบิทคอยน์

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การดีดตัวของบิทคอยน์ในครั้งนี้แตกต่างจากในปี 2560 เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากกระแสตอบรับที่คึกคักจากกลุ่มบริษัทฟินเทค และนักลงทุนรายใหญ่ในตลาด เช่น พอล ทิวดอร์ โจนส์ และสแตนลีย์ ดรักเคนมิลเลอร์ โดยแตกต่างจากในปี 2560 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย

เพย์พาล ยักษ์ใหญ่ฟินเทค ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถทำการซื้อขายบิทคอยน์ และสกุลเงินคริปโตอื่นๆ ขณะที่เพย์พาล ให้ลูกค้าใช้สกุลเงินคริปโตในการซื้อสินค้าจากเครือข่ายร้านค้าปลีกจำนวน 26 ล้านแห่งของทางบริษัท

ทางด้านสแควร์ ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ทางบริษัทได้เข้าซื้อบิทคอยน์มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ สแควร์ยังเปิดให้บริการสกุลเงินคริปโตสำหรับลูกค้าที่ใช้แอปพลิเคชั่น Cash ของทางบริษัท

บิทคอยน์ยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกพากันออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้ทำให้สกุลเงินของหลายประเทศอ่อนค่าลง ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองบิทคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ทางเลือก

นอกจากนี้ ยังมีการมองว่าบิทคอยน์มีสถานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นเดียวกับทองคำ ซึ่งนักลงทุนจะแห่เข้าซื้อในช่วงเวลาที่เกิดความตื่นตระหนก

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังใช้บิทคอยน์เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อจากการที่รัฐบาลต่างๆมีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายริค ไรเดอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ของแบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า ในอนาคต บิทคอยน์จะสามารถขึ้นมาทดแทนตำแหน่งของทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

“ผมคิดว่าสกุลเงินคริปโตจะยังคงอยู่ต่อไป ผมคิดว่ามันเป็นสินทรัพย์ที่คงทน โดยบิทคอยน์เป็นเครื่องมือที่คงทนซึ่งจะสามารถขึ้นมาแทนที่ทอง เพราะบิทคอยน์สามารถทำหน้าที่ได้มากกว่าทอง” นายไรเดอร์กล่าว