ซีอีโอ 'Marriott' เสียชีวิตด้วยวัย 62 ปี จากโรคมะเร็งตับอ่อน
"อาร์เน โซเรนสัน" ซีอีโอ "แมริออท" (Marriott) เชนโรงแรมรายใหญ่ที่สุดในโลก เสียชีวิตด้วยวัย 62 ปี หลังต่อสู้กับโรคมะเร็งตับอ่อนตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว
บริษัทแมริออท อินเตอร์เนชันแนล (Marriott International) แถลงในวันอังคาร (16 ก.พ.) ว่า นายอาร์เน โซเรนสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เสียชีวิตแล้วเมื่อคืนวันจันทร์ (15 ก.พ.) ตามเวลาสหรัฐ ด้วยวัย 62 ปี ขณะเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งตับอ่อน
ทั้งนี้ นายโซเรนสันเป็นซีอีโอคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของเครือแมริออท หลังรับตำแหน่งนี้เมื่อปี 2555 และยังเป็นซีอีโอคนแรกที่มาจากนอกตระกูลผู้ก่อตั้ง
บริษัทแมริออทระบุว่า นายโซเรนสันเป็นผู้ปลุกปั้นแมริออท อินเตอร์เนชันแนล ขึ้นแท่นเชนโรงแรมเบอร์ 1 ของโลก หลังเข้าซื้อกิจการ "สตาร์วูด โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ทส" (Starwood Hotels & Resorts) มูลค่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2559
นอกจากนี้ นายโซเรนสันได้ขยายธุรกิจของแมริออทไปทั่วโลก ภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ รวมถึง ดับเบิ้ลยู โฮเทลส์ (W Hotels), ริตซ์-คาร์ลตัน (Ritz-Carlton), คอร์ทยาร์ด (Courtyard) และ เชอราตัน (Sheraton)
ในปีที่แล้ว ซีอีโอรายนี้มีส่วนสำคัญในการนำพาธุรกิจฟันฝ่าวิกฤติการระบาดของโควิด-19 ซึ่งสร้างความเสียหายหนักต่ออุตสาหกรรมโรงแรมและการบิน เนื่องจากผู้คนทั่วโลกและในประเทศต่างงดเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเลี่ยงไวรัส
"อาร์เนเป็นผู้บริหารชั้นยอด แต่ยิ่งกว่านั้น เขายังเป็นมนุษย์ที่มากความสามารถด้วย" นายเจ ดับเบิลยู แมริออท จูเนียร์ ประธานบริหารและประธานบอร์ดของแมริออท อินเตอร์เนชันแนล กล่าวยกย่องซีอีโอผู้ล่วงลับ
เดือน พ.ค. 2562 แมริออท ประกาศว่า นายโซเรนสันตรวจพบมะเร็งตับอ่อน และในต้นเดือนนี้ เขาได้ปรับลดตารางงานส่วนตัวลงชั่วคราว เพื่อให้สะดวกต่อการรักษาโรคมะเร็งมากขึ้น
ต้นปีนี้ บริษัทมอบหมายให้ 2 ผู้บริหารอย่าง นางสเตฟานี ลินนาร์ตซ ประธานกลุ่มฝ่ายปฏิบัติการลูกค้า เทคโนโลยี และธุรกิจเกิดใหม่ และนายโทนี คาปัวโน ประธานกลุ่มฝ่ายการพัฒนา ออกแบบ และบริการดำเนินงาน กำกับดูแลงานบริหารรายวันของเครือแมริออทแทนนายโซเรนสัน
หลังจากนายโซเรนสันเสียชีวิต นางลินนาร์ตซ และนายคาปัวโน จะยังทำหน้าที่ตามเดิมต่อไปจนกว่าบอร์ดบริหารจะแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์
ปัจจุบัน มูลค่าตลาดของแมริออท อินเตอร์เนชันแนล อยู่ที่เกือบ 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ และในช่วง 12 เดือนหลังสุด ราคาหุ้นปรับลดลงไปแล้วราว 12%