ผลสำรวจชี้ผู้ใหญ่อเมริกันเมินฉีดวัคซีนต้านโควิด 30%
สถานีโทรทัศน์เอบีซี รายงานว่า 30% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐไม่เข้ารับการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และไม่มีแผนที่จะฉีดวัคซีน ซึ่งก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการฟื้นตัวของสหรัฐจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
สถานีโทรทัศน์เอบีซี รายงานว่า 30% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐไม่เข้ารับการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และไม่มีแผนที่จะฉีดวัคซีน ซึ่งก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการฟื้นตัวของสหรัฐจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ผลสำรวจของเอบีซี นิวส์/วอชิงตัน โพสต์ระบุว่า ในบรรดาผู้ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีนนั้น 73% ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของสหรัฐกล่าวเกินจริงเกี่ยวกับความเสี่ยงของไวรัสสายพันธุ์เดลตา และ 79% คิดว่าพวกเขามีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยที่จะติดเชื้อโควิด-19 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาติดต่อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งมีความเสี่ยงอย่างมากต่อผู้ที่ไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน ขณะที่มีผู้ติดเชื้อดังกล่าวรายใหม่มากกว่า 1 ใน 4 ของประเทศ
รายงานระบุว่า “แผนของรัฐบาลในการจัดการกับโรคระบาดผ่านการฉีดวัคซีนดูเหมือนจะล้มเหลว มีเพียง 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ได้รับวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อยหนึ่งโดส”
รายงานระบุว่า “ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐคาดการณ์ไว้ที่ 66.8% และยืนยันถึงความล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายของปธน.ไบเดนที่จะฉีดวัคซีนอย่างน้อยโดสแรกให้กับประชาชน 70% ภายในวันที่ 4 ก.ค.”
รายงานเสริมว่า “ในบรรดาผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนนั้น 74% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 55% ในเดือนเม.ย.ระบุว่า พวกเขาอาจจะปฏิเสธหรือปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน”
ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (ซีเอสเอสอี) ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ระบุ่า เมื่อเย็นวันอังคารที่ผ่านมา สหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แตะ 33.7 ราย และจำนวนผู้เสียชีวิตแตะ 605,000 ราย ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หนักที่สุดในโลก