“อิสราเอล”ลงนามจัดหาน้ำให้“จอร์แดน”สองเท่า
อิสราเอลลงนามอย่างเป็นทางการ จัดหาน้ำจืดเพิ่มเป็นสองเท่าให้จอร์แดน ประเทศขาดแคลนน้ำมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก
นางสาวคาริน เอลฮาร์ราร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน และทรัพยากรน้ำของอิสราเอล เดินทางไปจอร์แดนเพื่อทำพิธีลงนามข้อตกลงระหว่างตัวแทนคณะกรรมการน้ำร่วม เพื่อจัดการความสัมพันธ์ด้านน้ำระหว่างสองประเทศ ต่อยอดข้อตกลงที่ประกาศครั้งแรกในเดือน ก.ค.ที่ตอนนั้นสองประเทศตกลงกันว่า อิสราเอลจะขายน้ำให้จอร์แดนปีละ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มจากปริมาณเดิมสองเท่า
“ข้อตกลงนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราต้องการสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนบ้าน” รัฐมนตรีอิสราเอลกล่าว
ด้านนายกิดอน บลูมเบิร์ก ผู้อำนวยการกลุ่มสิ่งแวดล้อม “อีโคพีซมิดเดิลอีสต์” กล่าวว่า นี่คือข้อตกลงขายน้ำครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์สองประเทศ “สะท้อนถึงความเข้าใจที่เพิ่มมากขึ้นว่า วิกฤติสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อภูมิภาคตะวันออกกลางต้องนำไปสู่ความร่วมมือเพิ่มขึ้น”
ความร่วมมือเรื่องน้ำระหว่างจอร์แดนกับอิสราเอลมีมาตั้งแต่ตอนทำข้อตกลงสันติภาพในปี 2537 อิสราเอลแม้เป็นประเทศร้อนและแห้งแล้งเหมือนกัน แต่ก็มีเทคโนโลยีกลั่นน้ำทะเลเป็นน้ำจืดเปิดโอกาสให้ขายน้ำจืดได้
นางสาวชาเคด อิเลียฮู โฆษกประจำตัวรัฐมนตรีเผยว่า น้ำที่อิสราเอลจะจัดหาให้เพิ่มเติมมาจากทะเลกาลิลี
ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากความสัมพันธ์ทวิภาคีเย็นชาในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เมื่อนาฟตาลี เบนเน็ตต์ รับตำแหน่งนายกฯ ในเดือน มิ.ย. จึงให้ต้องกระชับสัมพันธ์กับจอร์แดนเป็นอย่างแรก
นอกจากนี้อิสราเอลยังสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 4 ชาติอาหรับ ตามข้อตกลงอับราฮัม ที่ได้รัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐเป็นตัวกลาง
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่าการเจรจากับชาวปาเลสไตน์ในเวสต์แบงก์และฉนวนกาซาส่วนใหญ่ยังคงระงับไว้ นายกฯ เบนเน็ตต์ อดีตหัวหน้าผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิว ไม่สนับสนุนการตั้งรัฐปาเลสไตน์