EU ใช้กลยุทธ์อะไร ยอดซื้อรถยนต์อีวีพุ่ง 1 ใน 5 ไตรมาสสาม
เกือบหนึ่งในห้าของยอดจำหน่ายรถยนต์ในสหภาพยุโรป ช่วงไตรมาสสาม ปี 2564 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า และยอดขายยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่รถยนต์ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลตกต่ำลงเรื่อยๆ เพราะอียูใช้กลยุทธ์เด็ด มุ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจำเป็นศูนย์
สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งยุโรป (ACEA) ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ผลิตรถยนต์ รถบรรทุก รถตู้ และรถบัสรายใหญ่ของยุโรป เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (22 ต.ค.) ว่า ยอดขายแบตเตอรี่ไฟฟ้า และรุ่นปลั๊กอินไฮบริดทั่วสหภาพยุโรป (EU) คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 19% ของยอดขายทั้งหมด
ขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ พุ่งขึ้นเกือบ 57% หรือมากกว่า 212,000 คัน ขณะที่รุ่นปลั๊กอินไฮบริดก็เพิ่มขึ้นเกือบ 43% หรือมากกว่า 197,000 คัน
แม้ว่า จะเป็นการเติบโตที่ช้ากว่าปี 2563 ที่ยอดขายพุ่งขึ้นเป็น 3 เท่า
แต่เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันที่ลดลงถึง 35% ของผู้ค้ารายใหญ่ และคิดเป็น 40% ของยอดขายโดยรวม และ 50% สำหรับไตรมาสดังกล่าว ไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมารถยนต์ดีเซลทำยอดขายได้มากกว่า 50% ในสหภาพยุโรปแต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในไตรมาสสาม
เหตุผลสำคัญที่ผลักดันยอดรถยนต์ไฟฟ้าในสหภาพยุโรปเพิ่มสูงขึ้น มาจากที่ผู้ผลิตและผู้บริโภคจะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลของประเทศตนเอง ในการออกรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสหภาพยุโรปยังได้เสนอการรณรงค์การห้ามใช้รถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในปี 2578 โดยมีเป้าหมายเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงจากรถยนต์ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ตามมาตรการเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ เพื่อต่อสู้กับโลกร้อนและเข้าร่วมมาตรการของเวที COP26 อีกด้วย