ดาวโจนส์ทะยาน 216 จุดเมินเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดเกือบ 40 ปี

ดาวโจนส์ทะยาน 216 จุดเมินเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดเกือบ 40 ปี

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์ (10ธ.ค.)พุ่งขึ้น 216 จุดโดยไม่ได้รับผลกระทบจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น  216.30 จุด หรือ 0.6% ปิดที่ 35,970.99 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 เพิ่มขึ้น 0.95% ปิดที่ 4,712.02 จุด และดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 0.7% ปิดที่ 15,630.60 จุด

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 3.8% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี500 และดัชนีแนสแด็กต่างทะยานขึ้น 3.5%

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 6.8% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.7%

นอกจากนี้ ดัชนีซีพีไอเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.7%

ดัชนีซีพีไอได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและพลังงาน ซึ่งทะยานขึ้นสูงสุดในรอบ 13 ปี เมื่อเทียบรายปี

ขณะเดียวกัน ดัชนีซีพีไอพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และพุ่งขึ้น 4.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2534 สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์เช่นกัน

นักวิเคราะห์ระบุว่า สาเหตุที่ตลาดหุ้นยังคงดีดตัวขึ้นในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนได้รับรู้คาดการณ์เงินเฟ้อก่อนหน้านี้แล้ว

นอกจากนี้ ตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังจากที่ตัวเลขซีพีไอต่ำกว่าระดับ 7% ที่นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ไว้

ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14-15 ธ.ค. หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในวันนี้