‘โจ ไบเดน’สอบไม่ผ่านแก้ปัญหาศก.-โควิด-อาวุธปืน
‘โจ ไบเดน’สอบไม่ผ่านแก้ปัญหาศก.-โควิด-อาวุธปืนโดยมีชาวอเมริกันเพียง 28% เท่านั้นที่พอใจกับการรับมือปัญหาเงินเฟ้อของปธน.ไบเดน ขณะที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 69% ไม่พึงพอใจ
คะแนนนิยม‘ไบเดน’ลดฮวบ ชาวอเมริกันไม่ปลื้มแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การรับมือกับโรคโควิด-19ระบาด และอาวุธปืน ขณะเจ้าหน้าที่สหรัฐยึดปืนได้กว่า 5,700 รายการ จากจุดตรวจภายในสนามบินในปีนี้ ถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ รายงานโดยอ้างอิงผลสำรวจของเอบีซีนิวส์/อิพซอสว่า ชาวอเมริกันไม่พอใจผลงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจ, การแพร่ระบาดของโควิด-19 และความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืน
ชาวอเมริกันมองว่าการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่สุด โดยผลสำรวจดังกล่าวบ่งชี้ว่า มีชาวอเมริกันเพียง 28% เท่านั้นที่พอใจกับการรับมือปัญหาเงินเฟ้อของปธน.ไบเดน ขณะที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 69% ไม่พึงพอใจ
ไบเดนเผชิญวิกฤตศรัทธาอย่างหนักจากชาวอเมริกันที่ไม่พอใจแนวทางการรับมือโรคระบาด โดยขณะนี้ เชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนแพร่กระจายไปทั่วประเทศจนทำให้รัฐบาลต้องกลับมาบังคับใช้กฎการสวมหน้ากากอนามัย รวมทั้งจำกัดการเดินทาง และผลักดันการฉีดวัคซีนเข็มที่3
ประเด็นการบังคับฉีดวัคซีนของรัฐบาลก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้คะแนนนิยมโดยรวมของไบเดนร่วงหนัก โดยที่ผ่านมา “บิล เดอ บลาซิโอ” นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก กล่าวว่ามีแผนบังคับฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับลูกจ้างภาคเอกชน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 ธ.ค. หลังจากข้อมูลระบุว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงผู้ที่มีผลตรวจเป็นบวกในนครนิวยอร์กมีจำนวนเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ นิวยอร์กยังจะนำระเบียบมาใช้สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ซึ่งจะต้องฉีดวัคซีน 1 โดส เพื่อเข้าใช้บริการในร้านอาหารและโรงภาพยนตร์โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค.เป็นต้นไป
ในเดือนพ.ย. ศาลสหรัฐมีคำตัดสินระงับคำสั่งของประธานาธิบดีไบเดน ที่ให้บริษัท ซึ่งมีพนักงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน
“พวกเราในนครนิวยอร์กตัดสินใจชิงลงมือก่อน เพื่อทำในสิ่งที่กล้าหาญในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด และอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับพวกเราทุกคน นายจ้างภาคเอกชนทั้งหมดในนิวยอร์กซิตี้จะได้รับการคุ้มครองตามคำสั่งฉีดวัคซีนในวันที่ 27 ธ.ค.” ผู้ว่าฯนิวยอร์ก กล่าว
การใช้คำสั่งฉีดวัคซีนมีผลอยู่แล้วสำหรับผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลและสถานพยาบาลต่าง ๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ของเมือง เช่น ครู ตำรวจ และนักผจญเพลิง ขณะที่มีการประกาศคำสั่งฉีดวัคซีนสำหรับพนักงานโรงเรียนเอกชนและโรงเรียนสอนศาสนาไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
ผลสำรวจล่าสุดระบุว่า ชาวอเมริกัน 53% พอใจกับการรับมือโรคระบาดของปธน.ไบเดน ลดลงจากผลสำรวจในเดือนมี.ค.ซึ่งระบุว่ามีประชาชนพึงพอใจสูงถึง 72% ขณะที่สัดส่วนความไม่พอใจในการสำรวจครั้งล่าสุดมีสูงถึง 45%
ส่วนคะแนนนิยมเรื่องการรับมือกับการใช้ความรุนแรงจากปืนและอาชญากรรมของปธน.ไบเดนดำดิ่งลงเช่นเดียวกัน หลังสหรัฐประสบกับเหตุการณ์ความรุนแรงและการเสียชีวิตอันเกิดจากอาวุธปืนเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้
ชาวอเมริกันราว 2 ใน 3 ไม่พอใจกับการแก้ปัญหาความรุนแรงจากปืนของปธน.ไบเดน ขณะที่ 32% พึงพอใจ และมีชาวอเมริกันเพียง 36% ที่พึงพอใจกับการแก้ปัญหาอาชญากรรม ขณะที่อีก 61% ไม่พึงพอใจ โดยคะแนนนิยมทั้งสองประเภทต่างก็เป็นอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่ปธน.ไบเดนเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ
การสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 10-11 ธ.ค. โดยสุ่มสำรวจชาวอเมริกันจำนวน 524 คน และมีความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 5%
Worldometer เว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุด ที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุวานนี้ (14ธ.ค.)ว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมจำนวน 50,801,455 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 817,956 ราย
สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต
ในส่วนของประเด็นการถือครองปืนของชาวอเมริกัน ที่ทำให้คะแนนนิยมของไบเดนทรุดฮวบนั้น รายงานล่าสุด ระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐยึดปืนได้มากกว่า 5,700 รายการจากจุดตรวจภายในสนามบินในปีนี้ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำนักงานความปลอดภัยด้านคมนาคมขนส่ง (ทีเอสเอ) แถลงเมื่อวันจันทร์(13ธ.ค.)ว่า เจ้าหน้าที่สามารถยึดอาวุธปืนได้มากกว่า 5,700 กระบอกที่จุดตรวจภายในสนามบินในปี 2564
"เดวิด เปโกสเก" ผู้บริหารทีเอสเอ ระบุว่า ก่อนหน้านี้เคยยึดปืนได้มากที่สุดเกือบ 4,400 กระบอกในปี 2562 และอัตราการพบอาวุธปืนในกระเป๋าเดินทางที่ถือขึ้นเครื่องบินได้ตรงจุดตรวจต่อผู้โดยสาร 1 ล้านคนยังเพิ่มขึ้นสองเท่าของปี 2562 ด้วย และเชื่อว่าสถิตินี้สะท้อนว่าชาวอเมริกันพกปืนเพิ่มขึ้น
ปกติผู้โดยสารเครื่องบินสามารถนำอาวุธปืนที่ไม่บรรจุกระสุนขึ้นเครื่องบินได้แต่ต้องเก็บในกระเป๋าสัมภาระที่ต้องผ่านการตรวจสอบเท่านั้น
ผู้บริหารทีเอสเอ เตือนด้วยว่า การฝ่าฝืนเรื่องนำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบินเป็นความผิดที่มีโทษปรับหลายพันดอลลาร์หลังการสอบสวนเสร็จสิ้น ซึ่งจะพิจารณาตามกฎหมายของท้องถิ่นหรือของรัฐ
เมื่อเดือนพ.ย.เพิ่งเกิดเหตุปืนลั่นที่จุดตรวจภายในสนามบินแอตแลนตาสร้างความโกลาหลทำให้ผู้โดยสารแตกตื่นวิ่งหนีกระเจิง โดยเหตุการณ์เริ่มจากเครื่องเอ็กซเรย์ตรวจพบอาวุธปืนในกระเป๋า เจ้าหน้าที่ทีเอสเอ จึงตรวจค้นกระเป๋าและเตือนให้ผู้โดยสารอย่าแตะปืน แต่เขารีบฉวยปืนจึงเกิดการลั่นไกขึ้น แล้วหลบหนีไปทำให้ตำรวจต้องออกหมายจับ
ขณะเดียวกัน ผู้บริหารทีเอสเอยอมรับว่า ยังไม่รู้ว่า มาตรการบังคับสวมหน้ากากบนเครื่องบิน ภายในสนามบิน และระบบขนส่งอื่นๆจะสิ้นสุดเมื่อใด หลังจากเพิ่งขยายเวลาบังคับใช้จนถึงวันที่ 18 มี.ค. ปีหน้า นับจากเริ่มใช้มาตรการนี้ตั้งแต่เดือน ก.พ.