สหรัฐไฟเขียวจนท.กงสุลออกจากคาซัคสถานหลังประกาศภาวะฉุกเฉิน

สหรัฐไฟเขียวจนท.กงสุลออกจากคาซัคสถานหลังประกาศภาวะฉุกเฉิน

รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ (7 ม.ค.) ว่า ได้อนุมัติให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐและครอบครัวสามารถเดินทางโดยสมัครใจออกจากสถานกงสุลของสหรัฐในเมืองอัลมาตีของคาซัคสถาน หลังจากที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คาซัคสถานประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ หลังจากที่การประท้วงเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิงได้นำไปสู่การปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ประท้วง

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า "พลเมืองสหรัฐในคาซัคสถานควรตระหนักว่า การประท้วงที่รุนแรงอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสามารถของสถานทูตในการให้บริการต่าง ๆ ทางด้านกงสุล ซึ่งรวมถึงการช่วยเหลือพลเมืองสหรัฐในการเดินทางออกจากคาซัคสถาน

เมื่อวันศุกร์(7ม.ค.) ประธานาธิบดีกัสซิม-โยมาร์ต โตกาเยฟ ของคาซัคสถาน อนุญาตให้กองกำลังความมั่นคงที่รับมือกับผู้ประท้วงสามารถยิงสังหารฝ่ายต่อต้านรัฐบาลได้ หลังเกิดความไม่สงบในประเทศมาหนึ่งสัปดาห์เต็ม โดยกล่าวผ่านการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ว่าผู้ก่อการร้ายยังคงเดินหน้าทำลายประเทศและทรัพย์สิน รวมทั้งใช้อาวุธต่อพลเรือนต่อไป เขาจึงอนุญาตให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถยิงสังหารอีกฝ่ายได้โดยไม่ต้องมีการเตือน

ประธานาธิบดีโตกาเยฟ ยังเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของนานาชาติที่ขอให้รัฐบาลของเขาเจรจากับผู้ประท้วง ซึ่งเขาอ้างโดยไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นกลุ่มที่ได้รับการฝึกฝนและจัดการโดยต่างชาติ โดยกล่าวว่าผู้ประท้วงเป็นโจรและเป็นผู้ก่อการร้ายที่ต้องถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว

พร้อมทั้งขอบคุณประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียที่ส่งกองกำลังมาตามคำขอเพื่อช่วยปราบปรามการประท้วง

แต่บรรดาผู้นำชาติต่างๆ ต่างมีท่าทีต่อสถานการณ์ในคาซัคสถานต่างออกไป อย่างเช่น “คริสโตเฟอร์ เบอร์เกอร์” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนี บอกว่า เยอรมนียังคงตรวจสอบรายงานสถานการณ์ในคาซัคสถาน แต่ก็ตั้งคำถามถึงการใช้ความรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตต่อพลเรือน และระบุว่ารัฐบาลคาซัคสถานต้องรับผิดชอบต่อการคุ้มครองพลเมือง

ส่วน“เออร์ซูลา วอน เดอร์ เลเยน” ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เรียกร้องให้มีการคุ้มครองสิทธิและความมั่นคงปลอดภัยของพลเรือนชาวคาซัคฯ โดยทั้งเธอและประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ต่างเรียกร้องให้มีการยุติการใช้ความรุนแรงในคาซัคสถาน

เมื่อวันพฤหัสบดี(6ม.ค.)“เน็ด ไพรซ์” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ ระบุว่า สหรัฐและทั่วโลกจะจับตามองถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในคาซัคสถาน