ดาวโจนส์ร่วง 339 จุดเหตุบอนด์ยีลด์พุ่งกดดันตลาด
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ (19ม.ค.)ร่วง 339 จุด โดยปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่ตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวร่วงลง 339.82 จุด ปิดที่ 35,028.65 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลงเกือบ 1% ปิดที่ 4,532.76 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 1.15% ปิดที่ 14,340.26 จุด
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงแรก ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยราคาหุ้นของแบงก์ ออฟ อเมริกา, มอร์แกน สแตนลีย์ และพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ต่างดีดตัวขึ้น หลังเปิดเผยผลประกอบการดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
บริษัทจำนวน 33 แห่งในดัชนีเอสแอนด์พี 500 รายงานผลประกอบการในไตรมาส 4 แล้ว โดยเกือบ 70% ในจำนวนดังกล่าวมีผลประกอบการสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายในตลาดได้รับผลกระทบจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.9% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2562 ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.06% โดยอยู่เหนือระดับ 1% เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่างๆ เผชิญต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 25-26 ม.ค. หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายต่างแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด, นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก, นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย และนางแมรี ดาลี ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลในเดือนก.ค.หรือเร็วกว่านั้น จากปัจจุบันที่พุ่งสูงกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์