จับตาเพื่อนรัก ‘สี จิ้นผิง-ปูติน’ พบกันก่อนเปิดโอลิมปิกฤดูหนาว
ประธานาธิบดีจีนเตรียมต้อนรับประธานาธิบดีรัสเซีย ถือเป็นการพบผู้นำโลกแบบเจอหน้าค่าตาครั้งแรกในรอบเกือบสองปีของผู้นำจีน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ผู้ไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศเลยนับตั้งแต่เดือน ม.ค.2563 ตอนที่จีนกำลังรับมือกับการระบาดของโควิด-19 โดยต้องล็อกดาวน์อู่ฮั่นเมืองที่ตรวจพบไวรัสครั้งแรก วันนี้เขาพร้อมต้อนรับผู้นำโลกกว่า 20 คนแล้วเนื่องในโอกาสกรุงปักกิ่งเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ที่จีนหวังเป็นชัยชนะด้านซอฟท์เพาเวอร์และเบี่ยงเบนความสนใจจากการถูกคว่ำบาตรทางการทูตและความกลัวโควิด
หัวหน้าที่ปรึกษาทำเนียบเครมลินแถลงเมื่อวันพุธ (2 ก.พ.) ว่าก่อนพิธีเปิดโอลิมปิกจะเริ่มขึ้นประธานาธิบดีสีมีกำหนดพบประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จากนั้นมีแถลงการณ์ร่วมแสดงถึงทัศนะร่วมว่าด้วยความมั่นคงและประเด็นอื่นๆ
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ความตึงเครียดกับชาติตะวันตกที่เพิ่มมากขึ้นเป็นตัวหนุนความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับจีน ปูตินเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่ยืนยันว่ามาร่วมพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาว
เมื่อเดือน ธ.ค.ระหว่างหารือกันทางโทรศัพท์ ประธานาธิบดีปูตินยกย่องตัวแบบความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับจีน และเรียกประธานาธิบดีจีนว่า “เพื่อนรัก”
วานนี้ (3 ก.พ.) สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนเผยแพร่บทความเขียนโดยปูติน กล่าวถึงสอบเพื่อนบ้านที่มีเป้าหมายระดับโลกร่วมกันมากขึ้นเรื่อยๆ
“การประสานนโยบายต่างประเทศระหว่างรัสเซียกับจีนตั้งอยู่บนแนวทางที่ใกล้ชิดและสอดคล้องเพื่อแก้ปัญหาระดับโลกและภูมิภาค” ปูตินระบุและวิจารณ์การคว่ำบาตรทางการทูตปักกิ่งโอลิมปิกของตะวันตกนำโดยสหรัฐจากประวัติสิทธิมนุษยชนของจีน
“น่าเสียดาย ความพยายามของหลายประเทศที่จะทำกีฬาให้เป็นเรื่องการเมืองเพื่อผลประโยชน์อันเห็นแก่ตัวของพวกเขาเข้มข้นขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นความเคลื่อนไหวที่ผิดหลักการ” ปูตินระบุ
สำหรับจีนเริ่มส่งเสียงสนับสนุนรัสเซียมากขึ้นในความขัดแย้งกับมหาอำนาจนาโตกรณียูเครน
สัปดาห์ก่อน นายหวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า ความกังวลด้านความมั่นคงของรัสเซียนั้นชอบธรรมแล้ว รัสเซียควรดำเนินการและแก้ไขอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ รัฐบาลมอสโกพยายามหาความสนับสนุนหลังจากส่งทหาร 100,000 นายเข้าประชิดชายแดนยูเครน กระตุ้นให้ชาติตะวันตกส่งเสียงเตือนว่า อย่ารุกรานยูเครน ไม่เช่นนั้นแล้วจะต้องเจอการตอบโต้อย่างรุนแรง
ในอดีต หลังจากสถาปนาการปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์เมื่อปี 1949 (พ.ศ.2492) จีนได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากสหภาพโซเวียต แต่สองมหาอำนาจสังคมนิยมต้องมาแตกคอเพราะอุดมการณ์แตกต่าง ความสัมพันธ์กลับมาเข้ารูปเข้ารอยหลังสงครามเย็นสิ้นสุดในทศวรรษ 1990 ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทั้งสองประเทศใช้ความเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ทำงานใกล้ชิดทั้งด้านการค้า การทหาร และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์
ความผูกพันนี้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในยุคสี จิ้นผิง ที่ทั้งรัสเซียและจีนพบว่าตนเองแปลกแยกกับมหาอำนาจตะวันตกมากขึ้นทุกขณะ
ผู้นำอื่นๆ ที่ร่วมพิธีเปิดปักกิ่งโอลิมปิกเช่น ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซีของอียิปต์ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานของซาอุดีอาระเบีย ประธานาธิบดีคาซึม โจมาร์ท โทคาเยฟของคาซัคสถาน และประธานาธิบดีอันเจ ดูดาของโปแลนด์รวมแล้วราว 21 คนส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นประเทศประชาธิปไตยตามดัชนีประชาธิปไตยของอีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต โดย 12 ประเทศถูกจัดให้เป็นประเทศปกครองในระบอบอำนาจนิยมหรือระบอบลูกผสม