เปิดฉากหาเสียงประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ลูกชายมาร์กอสมาที่ 1!
การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เริ่มต้นขึ้นแล้ว ลูกชายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ได้คะแนนนิยมสูงสุด
การเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 พ.ค. ผู้สมัครเริ่มหาเสียงแล้วในวันนี้ (8 ก.พ.) ด้วยความครึกครื้นและสีสันหวังดึงดูดใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งหลายล้านคนที่มักสนใจบุคลิกภาพส่วนตัวมากกว่านโยบาย ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ บุตรชายอดีตผู้นำเผด็จการมาร์กอสจะคว้าชัยชนะแบบถล่มทลาย หลังจากพ่อถูกประชาชนขับไล่จนต้องหนีออกจากประเทศเมื่อกว่า 35 ปีก่อน
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า มาร์กอส จูเนียร์ได้คะแนนนิยมจากการหาเสียงทางโซเชียลมีเดียอย่างหนัก และเป็นพันธมิตรกับซารา ดูเตอร์เต ลูกสาวประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต โดยเธอลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี
สำหรับมาร์กอส จูเนียร์ที่ได้ชื่อว่า เป็นนักการเมืองที่มีคนเห็นต่างมากที่สุดคนหนึ่งในฟิลิปปินส์ ประกาศกร้าว “สร้างสมานฉันท์ให้ประเทศ”
“นี่ไม่ใช่เวลาและที่ที่จะมาเถียงกันเรื่องประวัติศาสตร์ฟิลิปปินส์ เราจำเป็นต้องคุยและหารือกันว่าเราต้องทำอะไรใน 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อทำให้ประชาชนกลับมามีงานทำจะได้มีเงินในกระเป๋า” มาร์กอส จูเนียร์กล่าวกับสถานีโทรทัศน์จีเอ็มเอเมื่อวันเสาร์ (5 ก.พ.)
ส่วนคนที่ได้คะแนนนิยมตามมาห่างๆ เป็นอันดับสองคือเลนี โรเบรโดรองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน อดีตทนายความสำหรับผู้ด้อยโอกาสคู่ปรับของมาร์กอสจูเนียร์และดูเตอร์เต เธอเปิดฉากหาเสียงด้วยธีมสีชมพูที่เมืองลูพิ จ.คามาริเนส์ ซูร์ ทางภาคกลางของประเทศ
คะแนนนิยมอันดับสามตกเป็นของฟรานซิสโก โดมาโกโซ นายกเทศมนตรีคนดัง ตามด้วยนักชกซูเปอร์สตาร์ แมนนี ปาเกียว และอดีต ผบ.ตร. ปันฟิโล แลคสัน
ปีเตอร์ มัมฟอร์ด นักวิเคราะห์จากยูเรเซียกรุ๊ป กล่าวว่า ผู้สมัครที่ได้คะแนนนิยมล้นหลามยังคงเป็นมาร์กอส เขาเชื่อว่าอดีต ส.ว.ผู้นี้จะชนะด้วยคะแนน 70%
“ผู้สนับสนุนฝักใฝ่ระบอบอำนาจนิยมของดูเตอร์เตหลายคนมองว่ามาร์กอสคือผู้สมัครที่สานต่อความเด็ดขาด”
เอเอฟพีรายงานว่า ชัยชนะของมาร์กอสจูเนียร์สุดท้ายแล้วจะเป็นการกลับมาของตระกูลฉาว ที่ถูกประชาชนขับไล่จนหลุดจากอำนาจและต้องลี้ภัยไปสหรัฐในปี 1986 (พ.ศ.2529)
ข้อมูลจากรัฐบาลฟิลิปปินส์ชุดก่อนๆ เผยว่า การบริหารประเทศของมาร์กอสผู้พ่อเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง ประชาชนหลายหมื่นคนไม่ถูกฆ่าก็ถูกซ้อมทรมาน
ฝ่ายต่อต้านจึงพยายามขวางไม่ให้มาร์กอสผู้ลูกลงเลือกตั้งประธานาธิบดี ด้วยการเข้าชื่อร้องเรียนคณะกรรมการการเลือกตั้งว่ามาร์กอส จูเนียร์ขาดคุณสมบัติเนื่องจากไม่จ่ายภาษี แม้เขาผ่านอุปสรรคหนึ่งมาได้ แต่คดีขาดคุณสมบัติหลายคดีถูกเลื่อนออกไป และถึงแม้มาร์กอส จูเนียร์ต้องถอนตัวจากการเลือกตั้ง กฎหมายเลือกตั้งยังอนุญาตให้คนอื่นๆ ในตระกูลมาร์กอสลงสมัครแทนได้
ขณะเดียวกันเจ้าตัวพยายามปกป้องการปกครองของบิดาว่าสมัยนั้นเศรษฐกิจดี การละเมิดสิทธิมนุษยชนลดลง อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามเรื่องความมั่งคั่งผิดปกติในอดีตของตระกูลที่ทำให้ประชาชนไม่พอใจ
มาร์กอส จูเนียร์ปฏิเสธการเชิญสัมภาษณ์หรือร่วมเวทีกับคู่แข่งมาตลอด โดยบอกผู้สื่อข่าวว่า ตนจะไม่กลับไปพูด “ประเด็นเก่าเมื่อ 35 ปีก่อนอีกต่อไป”
ส่วนโรเบรโด ที่เคยแพ้มาร์กอส จูเนียร์แบบเฉียดฉิวในศึกชิงรองประธานาธิบดีปี 2016 (พ.ศ.2559) ลังเลจะลงเลือกตั้งประธานาธิบดีหลังถูกกดดันจากผู้สนับสนุนและกลุ่มฝ่ายค้าน แม้การหาเสียงแบบอาสาสมัครของเธอชูประเด็นก้าวหน้า แต่บุคลิกอ่อนโยนของเธอลดทอนความน่าสนใจในประเทศชอบผู้ชายห้าวอย่างฟิลิปปินส์