สถานการณ์ยูเครนยังวิกฤติหลัง“ไบเดน”หารือ“ปูติน”ล้มเหลว

สถานการณ์ยูเครนยังวิกฤติหลัง“ไบเดน”หารือ“ปูติน”ล้มเหลว

สถานการณ์ยูเครนยังวิกฤติหลัง“ไบเดน”หารือ“ปูติน”ล้มเหลว ขณะที่ไม่มีความชัดเจนว่าประธานาธิบดีปูตินยังยึดมั่นแนวทางการเจรจาทางการทูตต่อไปหรือไม่ แม้ว่าผู้นำรัสเซียตกลงว่าจะติดต่อกับประธานาธิบดีไบเดนต่อไปก็ตาม

สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซียยังคงไม่ดีขึ้นแม้ผู้นำสหรัฐและรัสเซียจะหารือกันทางโทรศัพท์เพื่อคลี่คลายวิกฤติที่เกิดขึ้น โดยผู้นำทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถหาทางออกร่วมกันได้ และประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐเตือนประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียว่า หากใช้กำลังทหารบุกรุกยูเครน จะต้องชดใช้อย่างสาสม 

เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลสหรัฐบอกว่า ไม่มีความชัดเจนว่าประธานาธิบดีปูตินยังยึดมั่นแนวทางการเจรจาทางการทูตต่อไปหรือไม่ แม้ว่าผู้นำรัสเซียตกลงว่าจะติดต่อกับประธานาธิบดีไบเดนต่อไปก็ตาม

ขณะที่หลายประเทศเรียกร้องให้พลเมืองตนเองออกจากยูเครน ท่ามกลางคำเตือนของมหาอำนาจชาติตะวันตกว่า รัสเซียเตรียมส่งทหารบุก

สหรัฐ สหราชอาณาจักรและเยอรมนี เป็นหนึ่งในกลุ่มที่บอกให้คนชาติตนเองอพยพออกจากยูเครน ขณะที่รัฐบาลมอสโกรวบรวมทหารประมาณ 100,000 นายตามแนวชายแดนของยูเครน แต่ปฏิเสธว่าไม่มีเจตนาที่จะบุกรุก

ทำเนียบขาวเตือนว่า การบุกยูเครนของรัสเซียอาจเปิดฉากขึ้นโดยการทิ้งระเบิดทางอากาศ ซึ่งทางรัสเซียโต้ตอบว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวจะเร่งให้เกิดการตอบโต้เร็วขึ้น

เจ้าหน้าที่ที่ไม่มีหน้าที่จำเป็นได้รับคำสั่งให้ออกจากสถานทูตสหรัฐในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ไปยังเมืองลวิฟ ซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันตกตั้งแต่วานนี้(13ก.พ.)

ขณะที่หลายประเทศ รวมทั้งอิตาลี อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ และญี่ปุ่น แจ้งให้พลเมืองของตนออกจากยูเครน ส่วน

นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย เรียกร้องจีนว่าอย่านิ่งเฉยเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้อยู่ในระดับที่ถือว่าอันตราย อีกทั้งจีน ออกมาวิจารณ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอินเดียในกรุงเมลเบิร์นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่กลับนิ่งเงียบเกี่ยวกับปัญหาตึงเครียดในยูเครน
 

อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลีย มีความสัมพันธ์ที่เย็นชากับจีนในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องความมั่นคง การค้า หรือสิทธิมนุษยชน ซึ่งมอร์ริสัน กล่าวในงานแถลงข่าวว่าจีนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ออสเตรเลียอย่างมีความสุข แต่กลับนิ่งเฉยอย่างสบายใจ ขณะที่รัสเซียกำลังรวมกำลังพลบริเวณชายแดนยูเครน

ออสเตรเลีย เป็นหนึ่งในประเทศที่อพยพเจ้าหน้าที่ของสถานทูตออสเตรเลียในกรุงเคียฟของยูเครน ไปยังเมืองลวิฟทางตะวันตก ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนโปแลนด์ประมาณ 70 กิโลเมตร พร้อมกับย้ำให้ชาวออสเตรเลียที่ยังอยู่ในยูเครนให้รีบเดินทางออกนอกประเทศทันที ท่ามกลางความกังวลว่า รัสเซียอาจจะบุกยูเครนได้ทุกเมื่อ

ขณะที่ชาวยูเครนหลายพันคนร่วมเดินขบวนในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เพื่อแสดงความสามัคคีและความเข้มแข็ง ต่อต้านการคุกคามของรัสเซีย โดยผู้เดินขบวนร่วมกันตะโกนข้อความว่า "ชัยชนะเป็นของยูเครน" พร้อมถือธงชาติและถือป้ายที่มีข้อความว่า ‘ชาวยูเครนจะสู้กลับ’ และ ‘ไม่เอาปูติน’ เพื่อแสดงการต่อต้านรัสเซีย

ด้าน “โวโลดิเมียร์ เซเลนกี” ประธานาธิบดียูเครน ยอมรับว่า รัสเซียอาจจะบุกรุกยูเครนเมื่อไรก็ได้ แต่ก็เตือนว่าประชาชนไม่ควรตกใจมากเกินไป เพราะข่าวและข้อมูลที่ออกไป โดยเฉพาะจากสื่อประเทศตะวันตก ทำให้สถานการณ์ดูเลวร้ายและตึงเครียดเกินความเป็นจริง เขาจึงขอให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติให้มากที่สุด พร้อมย้ำว่าความตกใจไม่เป็นผลดีต่อยูเครน แต่จะกลายเป็นผลดีต่อศัตรูแทน

ขณะเดียวกัน กองทัพและกระทรวงความมั่นคงของยูเครน ยืนยันว่ากองทัพยูเครนมีความพร้อมที่จะต่อต้านผู้บุกรุก และปกป้องทุกๆ เมืองในยูเครน โดยยูเครนได้รับการสนับสนุนด้านยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยจากชาติตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานและจรวด ส่วนสถานการณ์บริเวณชายแดน ขณะนี้ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพยูเครน