ดาวโจนส์ร่วง 52 จุดจับตาวิกฤตยูเครน-ผลประชุมเฟด
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(16ก.พ.)ปรับตัวลง 52 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาวิกฤตการณ์ในยูเครน และรายงานของเฟดที่ระบุว่า เฟดจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยสู้กับภาวะเงินเฟ้อ แต่การตัดสินใจจะอยู่บนพื้นฐานของการประชุมแต่ละครั้ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวร่วงลง 52.86 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 34,935.98 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 เพิ่มขึ้น 4.09 จุดหรือ 0.09% ปิดที่ 4,475.16 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 15.20 จุดหรือ 0.11% ปิดที่ 14,124.56 จุด
ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท พุ่งขึ้น 4.4% อยู่ที่ระดับ 26.83
องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เปิดเผยในวันนี้ว่า รัสเซียยังคงเสริมกำลังทหารตามชายแดนยูเครน แม้มีรายงานว่ารัสเซียได้ถอนกำลังทหารบางส่วนจากบริเวณดังกล่าว
"เรายังไม่เห็นการถอนกำลังทหารของรัสเซีย ซึ่งสิ่งนี้ขัดแย้งกับความพยายามทางการทูตที่จะคลี่คลายวิกฤตการณ์ สิ่งที่เราเห็นก็คือพวกเขาได้เพิ่มจำนวนทหาร ซึ่งทำให้ความตึงเครียดยังไม่ได้ลดน้อยลง" นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต กล่าว
นายสโตลเทนเบิร์กระบุว่า ที่ผ่านมา รัสเซียมักมีการเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในช่วงการเสริมกำลังทหาร
"การเคลื่อนย้ายทหารและรถถัง ไม่ได้ยืนยันว่ามีการถอนกำลังทหารจริง" นายสโตลเทนเบิร์กกล่าว
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวเตือนเช่นกันว่า รัสเซียยังคงมีกำลังทหารมากกว่า 150,000 นายใกล้ชายแดนยูเครน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำเดือนม.ค.ในวันนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์, ซิตี้กรุ๊ป และแบงก์ ออฟ อเมริกาคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นครั้งละ 0.25% ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดพุ่งแตะ 1.75-2.00% ในปลายปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 0.00-0.25%
หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่มีการคาดการณ์ไว้ บ่งชี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทั้ง 7 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค.
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 3.8% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.1% หลังจากดิ่งลง 2.5% ในเดือนธ.ค.
เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 13% ในเดือนม.ค.
ยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นในเดือนม.ค.ได้รับแรงหนุนจากการการเพิ่มขึ้นของยอดซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งทะยานขึ้น 14.5%
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร พุ่งขึ้น 4.8% ในเดือนม.ค. หลังจากดิ่งลง 4.0% ในเดือนธ.ค.