โลจิสติกรัสเซียสะดุด-ยุโรปบล็อกเส้นทางเรือ
มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและเหล่าพันธมิตรชาติตะวันตกกำลังสร้างปัญหาให้แก่ระบบโลจิสติกของรัสเซีย และท้ายที่สุดจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผลพวงจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและชาติตะวันตกทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียถูกโดดเดี่ยวจากประเทศอื่นๆในโลกและการขนส่งสินค้าที่ประสบปัญหาชะงักงันกำลังส่งผลกระทบและบั่นทอนความพยายามพลิกฟื้นเศรษฐกิจทั่วโลก บรรดาเจ้าหน้าที่ศุลกากรในกลุ่มชาติสมาชิกสหภาพยุโรป(อียู)ห้ามเรือขนส่งสินค้าที่เป็นเรือสัญชาติรัสเซียหรือเกี่ยวข้องกับเรือสัญชาติรัสเซียใช้ท่าเรือ ลอยลำในเส้นทางทางทะเลที่สำคัญเพื่อขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สินค้าเพื่อส่งต่อไปยังรัสเซีย
เจ้าหน้าที่ศุลกากรเนเธอร์แลนด์ ระบุว่า ได้สกัดกั้นตู้คอนเทนเนอร์ที่กำลังเดินทางไปรัสเซียภายใต้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ของชาติตะวันตกเพื่อตรวจสอบว่าสินค้าต่างๆภายในตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดเป็นสินค้าที่อยู่ในรายการห้ามขนส่งหรือไม่ ส่งผลให้ในขณะนี้บรรดาตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวติดค้างอยู่ที่ท่าเรือในร็อตเตอร์ดาม
ส่วนผู้ให้บริการด้านเทอร์มินัลที่ท่าเรือแฮมบวร์ก ของเยอรมนี ประกาศเช่นกันว่าจะสกัดกั้นบรรดาตู่คอนเทนเนอร์บนเรือขนส่งสินค้าที่มุ่งหน้าไปรัสเซียและมาจากรัสเซีย
ข้อมูลเชิงสถิติของท่าเรือรัสเซีย ระบุว่า ท่าเรือหลักๆของรัสเซีย ที่รวมถึงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในทะเลบอลติก ท่าเรือโนโวรอสซิกในทะเลดำและท่าเรือวลาดิว็อดสต็อกในตะวันออกไกลของรัสเซีย
โดยท่าเรือทั้งสามแห่งรองรับปริมาณตู้คอนเทนเนอร์โดยรวมของรัสเซียในสัดส่วน 74% ของปริมาณตู้คอนเทนเนอร์โดยรวมขนาด 20 ฟุตจำนวน 5.63 ล้านตู้ในปี 2564
ตามปกติแล้ว การขนส่งสินค้าจากเอเชียไปรัสเซียจะใช้ตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่เป็นพิเศษขนส่งสินค้าไปยังท่าเรือต่างๆในยุโรปก่อนเช่น ท่าเรือร็อตเตอร์ดาม และท่าเรือฮัมบวร์กก่อนจะขนส่งสินค้าจากเรือขนส่งขนาดใหญ่ลงเรือลำเล็กกว่าต่อไป ซึ่งการปฏิเสธไม่ให้ขนถ่ายสินค้าลงเรือลำเล็กของบรรดาเจ้าหน้าที่ศุลกากรตามท่าเรือในยุโรปทำให้การขนส่งสินค้าประเภทต่างๆเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางรัสเซียเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
หลังจากมีการประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย เอ็มเอสซี ของสวิตเซอร์แลนด์ บริษัทขนส่งรายใหญ่สุดของโลกและเอ.พี. โมลเลอร์-เมิร์กส์ ของเดนมาร์ก ตัดสินใจยุติการรับออร์เดอร์เพื่อขนส่งสินค้าทั้งไปและออกจากรัสเซีย ส่วนโอเชียน เน็ตเวิร์ก เอ็กซ์เพรสส์ หน่วยงานร่วมทุนระหว่างบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือสัญชาติญี่ปุ่นสามแห่ง ยุติการขนส่งสินค้า ไปรัสเซียในทุกเส้นทางยกเว้นไปยังท่าเรือวลาดิว็อดสต็อก
โดยท่าเรือแห่งนี้เป็นเส่นทางทางทะเลเปิดที่เหลือเพียงแห่งเดียวของรัสเซียแต่ท่าเรือแห่งนี้รองรับสินค้าเพียงแค่ประมาณ 1 ใน5 ของปริมาณตู้คอนเทนเนอร์โดยรวมของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีแต่การขนส่งสินค้าทางเรือเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้ แม้แต่การขนส่งสินค้าทางอากาศก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย หลังจากอียูห้ามเครื่องบินรัสเซียใช้น่านฟ้าเหนืออียูโดยรวมซึ่งเรื่องนี้รัสเซียประกาศว่าจะออกมาตรการตอบโต้
ขณะที่การดำเนินชีวิตของชาวรัสเซียก็เริ่มได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรเหล่านี้ โดยเฉพาะเมื่อการขนส่งสินค้าชะงักงัน ราคาสินค้าดิจิทัลที่รัสเซียนำเข้าปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยพานาโซนิก ประกาศเมื่อวันศุกร์ (4มี.ค.)ที่ผ่านมาว่า ยุติการส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งกล้องสำหรับใช้ในธุรกิจให้แก่รัสเซีย ซึ่งคาดว่าปัญหาการขาดแคลนสินค้าประเภทต่างๆในรัสเซียจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)คาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาว่า ผลผลิตมวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ของรัสเซียจะขยายตัว 2.8% ในปีนี้ และในรายงานที่ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันอังคาร(1มี.ค.)โกลด์แมน แซคส์ ได้แก้ไขตัวเลขจีดีพีของรัสเซียเป็นหดตัว 7% จากขยายตัว2%
เจ้าหน้าที่ด้านโลจิสติกรายหนึ่ง กล่าวว่า เมื่อเผชิญหน้ากับการคว่ำบาตรอย่างรุนแรงแบบนี้ รัสเซียจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากพึ่งพาเส้นทางขนส่งสินค้าผ่านระบบราง“ทรานส์-ไซบีเรีย”และการขนส่งทางบกจากจีน