ดาวโจนส์บวกในกรอบแคบผิดหวังรัสเซีย-ยูเครนเจรจาไม่คืบ
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์(14มี.ค.)ปรับตัวขึ้นในกรอบแคบ 1.05 จุด หลังการเจรจาสันติภาพรอบที่ 4 ระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่ได้ข้อสรุปในวันนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 1.05 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 32,945.24 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 31.20 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 4,173.11 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 262.59 จุด หรือ 2.04% ปิดที่ 12,581.22 จุด
ทั้งนี้ ดัชนีแนสแด็ก ดิ่งลง 2% โดยถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีทะลุระดับ 2.10% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2562
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นนำตลาด โดยได้ปัจจัยบวกจากการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงสวนทางตลาด โดยถูกกระทบจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนัก
นักลงทุนจับตาการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนในวันนี้ รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 มี.ค.
นายมิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เปิดเผยว่า การเจรจาสันติภาพรอบที่ 4 ระหว่างยูเครนและรัสเซียที่จัดขึ้นในวันนี้ได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยยังไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด และทั้งสองฝ่ายจะพักการเจรจาชั่วคราว ก่อนที่จะเริ่มการเจรจาครั้งใหม่ในวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น
"เราได้พักการเจรจาชั่วคราว 'ในแง่เทคนิค' จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ โดยเราจะทำงานต่อไปในกลุ่มย่อย" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ก่อนหน้านี้ นายโปโดลยักระบุว่า การเจรจาสันติภาพรอบที่ 4 ระหว่างยูเครนและรัสเซียเป็นไปด้วยความยากลำบาก
"ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงจุดยืน แต่การเจรจาเป็นไปอย่างยากลำบาก อันเนื่องจากระบอบการเมืองที่แตกต่างกัน โดยยูเครนเป็นประเทศที่สังคมมีอิสระและตัดสินกันด้วยเสียงส่วนใหญ่ แต่รัสเซียเป็นสังคมที่มีการกดขี่ข่มเหงอย่างที่สุด" นายโปโดลยักระบุในทวิตเตอร์
การเจรจาสันติภาพในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องให้รัสเซียทำการหยุดยิง และถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากยูเครน
ตัวแทนจากรัสเซียและยูเครนเจรจาในวันนี้ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หลังจากที่การเจรจาทั้ง 3 รอบแบบพบหน้ากันก่อนหน้านี้ไม่ประสบความคืบหน้าแต่อย่างใด
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ซึ่งไม่รุนแรงเหมือนกับที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะปรับขึ้น 0.50%
หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ตามที่มีการคาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดนับตั้งแต่ปี 2561