30ประเทศทั่วโลกวอนจีนเลิกใช้นโยบายแยกลูกติดโควิดจากพ่อแม่ในเซี่ยงไฮ้
30 ประเทศทั่วโลก ส่งจดหมายร้องเรียนรัฐบาลจีน เลิกใช้นโยบายเข้มงวดรับมือโควิด-19 ด้วยการแยกลูกเล็กที่ติดโควิดจากอกพ่อแม่ ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจอย่างมากของผู้เป็นพ่อแม่ชาวเซี่ยงไฮ้
สำนักข่าวรอยเตอร์และสเตรตส์ไทมส์ รายงานเมื่อวันจันทร์(4 เม.ย.) ว่า เจ้าหน้าที่การทูตชาติตะวันตกแสดงความกังวลถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 แพร่ระบาดใน นครเซี่ยงไฮ้ ทางตะวันออกของจีน ซึ่งอยู่ในช่วงล็อกดาวน์บางพื้นที่
สถานทูตและสถานกงสุลกว่า 30 ประเทศ รวมถึงสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) สหราชอาณาจักร นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ส่งจดหมายร้องเรียนไปยังกระทรวงการต่างประเทศของจีนเพื่อขอให้ทางการนครเซี่ยงไฮ้ระงับมาตรการแยกคนในครอบครัว โดยเฉพาะพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีการเผยแพร่ภาพผู้ป่วยที่เป็นเด็กเล็กจำนวนมากนั่งอยู่ตามลำพังในเตียงเด็กแบบมีคอกกั้น ที่วางเรียงรายตามโถงทางเดินของโรงพยาบาล
ด้านเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของเซี่ยงไฮ้ยืนยันว่าต้องทำการแยกเด็กที่อายุต่ำกว่า 7 ปี ที่ติดเชื้อโควิด ไม่ให้อยู่บ้านหลังเดียวกับพ่อแม่ เพื่อนำตัวเด็กมารักษาตัวที่ศูนย์ดูแลผู้ติดโควิดของทางการ และหากเด็กคนไหนที่มีอายุมากกว่า 7 ปี ก็ต้องเข้ารับการกักตัวที่ทางการเตรียมไว้ให้ สร้างความไม่พอใจให้กับพ่อแม่ที่ต้องถูกแยกออกจากลูกในช่วงเวลาที่นครเซี่ยงไฮ้กำลังอยู่ภายใต้การล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด
เซี่ยงไฮ้ เป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดของจีน และมีประชากรประมาณ 25 ล้านคน ซึ่งเมื่อวันจันทร์(4เม.ย.) พบผู้ติดเชื้อโควิด 9,000 คน โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทางการต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเพื่อควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อ
พ่อแม่ชาวเซี่ยงไฮ้มองว่าการแยกลูกออกจากพ่อแม่ แม้จะเป็นมาตรการป้องกันโควิด ก็เป็นมาตรการที่เข้มงวดเกินไป เพราะการดูแลลูกเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่พ่อแม่ทุกคนควรได้รับ แต่ทางการจีนยืนยันเป็นมาตรการที่จำเป็น ซึ่งเด็กที่ติดโควิด จะอยู่กับพ่อแม่ต่อได้ หากพ่อแม่ติดโควิดด้วยเท่านั้น แต่หากเด็กติดโควิดแค่คนเดียว ก็ต้องแยกออกจากพ่อแม่เพื่อมารักษาตัวที่ศูนย์ดูแลของทางการ