ไอเอ็มเอฟจับตาศรีลังกาใกล้ชิด-เตรียมร่วมเจรจาคลายวิกฤติ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประกาศจับตาสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเมืองในศรีลังกาอย่างใกล้ชิด หลังจากประชาชนได้ออกมาประท้วงทั่วประเทศ
"มาซาฮิโร โนซากิ" หัวหน้าฝ่ายกิจการศรีลังกาของไอเอ็มเอฟ เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟกำลังหาทางจัดการเจรจาร่วมกับทางการศรีลังกา ซึ่งรวมถึงการเจรจาในระหว่างที่รัฐมนตรีคลังคนใหม่ของศรีลังกาเดินทางเยือนสหรัฐในช่วงปลายเดือนนี้
ประธานาธิบดีโกตาพญา ราชปักษา ผู้นำศรีลังกา เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ศรีลังกากำลังขอความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟเพื่อแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ โดยตั้งเป้าหมายลดการขาดดุลการค้าไว้ประมาณ 14% ในปีนี้ รวมทั้งลดยอดขาดดุลการค้าลงสู่ระดับ 7 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ จาก 8.1 พันล้านดอลลาร์เมื่อปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ปธน.โกตาพญา ยังประเมินว่า ศรีลังกาต้องใช้เงินช่วยเหลือ 5,000 ล้านดอลลาร์เพื่อพยุงสถานะการเงินของประเทศ
หากไอเอ็มเอฟตัดสินใจปล่อยเงินกู้ต่อ ก็จะกลายเป็นมาตรการช่วยเหลือทางการเงินรอบที่ 17 ที่ไอเอ็มเอฟอนุมัติให้กับศรีลังกา ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีเงื่อนไขมากมาย เช่น การปฏิบัติตามเป้าหมายทางการคลังอย่างเข้มงวด
ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาพันธบัตรของรัฐบาลศรีลังกาทรุดตัวลงอย่างหนัก หลังเกิดเหตุการณ์ประชาชนจำนวนมากออกมาประท้วงเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อและการตัดกระแสไฟฟ้าเป็นวงกว้าง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรี และยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลว่า ความปั่นป่วนทางการเมืองจะส่งผลกระทบต่อความสามารถของรัฐบาลในการชำระหนี้ ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น
ราคาพันธบัตรรัฐบาลศรีลังกามูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ค.ปีนี้ อยู่ที่ระดับ 59 เซนต์ ณ วันจันทร์ที่ 4 เม.ย. ซึ่งลดลง 7 เซนต์ และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563
ราคาล่าสุดของพันธบัตรรัฐบาลศรีลังกาซึ่งปรับตัวลงรุนแรงสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนานั้น สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนมีความเชื่อมากขึ้นว่าศรีลังกาจะประสบปัญหาในการชำระหนี้ เมื่อพันธบัตรครบกำหนดไถ่ถอนในเวลาอีกไม่ถึง 4 เดือนข้างหน้านี้