“เต็ดตรา แพ้ค” รีไซเคิลกล่องนมโรงเรียน สร้างความยั่งยืนทั้งระบบ
“เต็ดตรา แพ้ค” ร่วมกับพันธมิตร ชวนโรงเรียนสังกัดกทม. 350 แห่ง เดินหน้า โครงการรีไซเคิลกล่องนมโรงเรียน นำมาผลิตเป็นแผ่นหลังคาและวัสดุที่ใช้ประโยชน์ โดยในปีที่ผ่านมาสามารถเก็บรวบรวมกล่องนมได้ถึง 77 ตัน และในครึ่งปี 2563 สามารถเก็บรวบรวมได้แล้วถึง 35 ตัน
“นมโรงเรียน” เป็นนโยบายของรัฐบาลไทยที่จัดตั้งขึ้นในปี 2535 เพื่อแก้ปัญหาการขาดสารอาหารในเด็กวัยเรียน และสนับสนุนอุตสาหกรรมโคนมไทย โดยใช้น้ำนมดิบจากเกษตรกรในประเทศ โดยสัดส่วนน้ำนมดิบที่เข้าสู่โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนคิดเป็น ร้อยละ 40 ของน้ำนมดิบที่ผลิตได้ทั้งหมดในประเทศไทย ทั้งแบบยูเอชที และพาสเจอร์ไรส์ ปัจจุบันเด็กระดับชั้นอนุบาล-ป.6 ทุกคนจะได้ดื่มนมโรงเรียนเทอมละ 100 วัน สำหรับวันมาโรงเรียน และนำกลับไปดื่มที่บ้านในวันปิดเทอม 30 วัน
จากนมถุง สู่นมกล่อง เพื่อสิ่งแวดล้อม
ในปี 2562 ที่ผ่านมา โรงเรียนในสังกัด กทม. มีการบริโภคนมโรงเรียนชนิดพาสเจอร์ไรส์ราว 2.3 แสนถุงต่อวัน หากคิด 200 วัน จะมีขยะ 46 ล้านถุง หรือกว่า 1.5 แสนกิโลกรัม นายอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งมีนโยบายเน้นความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม จึงได้เพิ่มงบประมาณให้กับโครงการนมโรงเรียนสังกัดกทม. เปลี่ยนจากรูปแบบนมพาสเจอร์ไรส์ เป็นนมกล่องยูเอชที เพื่อรณรงค์ให้นำกลับไปรีไซเคิลได้ โดยสร้างความร่วมมือระหว่าง เต็ดตรา แพ้ค, สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร, องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย, บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค จำกัด และ บริษัท ไฟเบอร์พัฒน์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรีไซเคิล ริเริ่ม “โครงการรีไซเคิลกล่องนมโรงเรียน” เพื่อส่งเสริมให้เด็กนักเรียนมีจิตสำนึกในการร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยกันลดปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี และตระหนักถึงคุณค่าของกล่องนมที่ผ่านการใช้แล้ว นำมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์แก่สังคมได้
โดยวางเป้าหมายการเก็บรวบรวมกล่องนมยูเอชทีใช้แล้วจากโครงการนมโรงเรียนของสถาบันการศึกษากว่า 437 แห่ง ภายใต้การกำกับดูแลของกรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปผ่านกระบวนการรีไซเคิลมาผลิตเป็นแผ่นหลังคาและวัสดุที่ใช้ประโยชน์ ปัจจุบัน มีโรงเรียนมากกว่า 350 แห่งที่เข้าร่วมโครงการ โดยในปีที่ผ่านมา สามารถเก็บรวบรวมกล่องนมได้ถึง 77 ตัน หรือกว่า 7.7 ล้านกล่อง และในครึ่งปี 2563 สามารถเก็บรวบรวมได้แล้วถึง 35 ตัน
ข้อมูลจาก “นายเกรียงไกร จงเจริญ” ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ระบุว่า ในปีการศึกษา 2563 กรุงเทพมหานคร มีเด็กนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1- ประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 190,725 คน ที่ได้รับนมยูเอชทีที่โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร เป็นเวลา 260 วันต่อปีการศึกษา นั่นหมายความว่า หากทุกโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ จะสามารถเก็บกล่องนมเพื่อรีไซเคิลได้เกือบ 2 แสนกล่องต่อวัน
World School Milk Day
ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา เต็ดตรา แพ้ค จัดกิจกรรม “สัปดาห์วันนมโรงเรียนสากล (World School Milk Day)” ณ โรงเรียนวัดลานบุญ เขตลาดกระบัง เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการของนมยูเอชที ตลอดจนความสำคัญของการรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่ม โดยสอนการพับกล่องนมใช้แล้วอย่างถูกวิธีก่อนทิ้งลงถังเพื่อนำไปรีไซเคิล เป้าหมายสูงสุดเพื่อการปกป้องอาหาร สิ่งแวดล้อม และเยาวชนในรุ่นต่อไป
นายวันชัย สุวรรณเนตร ผู้อำนวยการฝ่ายดูแลลูกค้าหลัก บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า เต็ดตรา แพ้ค ได้นำแนวคิดการปกป้องอาหาร ผู้คน และโลกของเรา มาเป็นประเด็นหลักในนโยบายด้านความยั่งยืน ซึ่งตอกย้ำถึงคำมั่นสัญญาของแบรนด์ “ปกป้องทุกคุณค่า” หรือ Protects what’s good : Protect Food, People, and the Planet “การปกป้องอาหาร” ย้ำวิสัยทัศน์การทำให้อาหารปลอดภัยและมีอยู่พร้อมสำหรับการบริโภคในทุกๆ ที่ทั่วโลก โดยทำงานร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรโดยใช้โซลูชั่นการผลิตและบรรจุ รวมถึงบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารที่เป็นนวัตกรรมชั้นนำในตลาด
ถัดมา คือ “การปกป้องผู้คน” ที่ปกป้องและเพิ่มพูนทักษะพนักงานเพื่อส่งเสริมการเติบโตและการพัฒนาของบุคลากรทุกคน ผลักดันให้เกิดความหลากหลายในหมู่พนักงานและวัฒนธรรมร่วม และสนับสนุนชุมชนในท้องถิ่นในที่ๆ เราดำเนินธุรกิจ และ “การปกป้องโลก” มุ่งดำเนินธุรกิจด้วยระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนแบบคาร์บอนต่ำ ส่งเสริมความยั่งยืนตลอดทั้งวงจร นับตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการผลิตขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งครอบคลุมถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปริมาณขยะ การปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ การรักษาทรัพยากรน้ำ และการส่งเสริมการรีไซเคิลและการหมุนเวียนทรัพยากร
“ทั้งนี้ โครงการนมโรงเรียน คือ แผนงานระดับโลก ที่เต็ดตรา แพ้คได้มีโอกาสสนับสนุนด้านเทคโนโลยีการผลิตและบรรจุในระบบปลอดเชื้อ โดยในปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา มีเด็กมากถึง 68 ล้านคนใน 56 ประเทศ ได้รับนมหรือผลิตภัณฑ์โภชนาการในบรรจุภัณฑ์ของเต็ดตรา แพ้คที่โรงเรียน นอกจากนี้ โครงการนมโรงเรียน ยังช่วยส่งเสริมพลานามัยและกระตุ้นพัฒนาการของเด็กๆ ผ่านการเข้าถึง อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องกับเนื้อหาหลักของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน UN SDG2 ขององค์การสหประชาชาติ Zero Hunger โดยเฉพาะข้อ 2.1 และ 2.2 ที่มุ่งขจัดภาวะความอดอยากให้เป็นศูนย์ เพิ่มระดับการเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย และมีประโยชน์ทางโภชนาการ อีกทั้งขจัดภาวะขาดสารอาหารให้หมดไป”
วัตถุดิบหลักของกล่องนมโรงเรียนกว่า 75% เป็นกระดาษ ที่ที่เป็นทรัพยากรทดแทนได้จากป่าปลูกเชิงพาณิชย์ มีการจัดการอย่างรับผิดชอบ และเมื่อนำมาบริโภคแล้วสามารถนำกล่องไปรีไซเคิลได้ โดยควรมีการเก็บรวบรวมอย่างถูกวิธี เพื่อลดพื้นที่จัดเก็บ ลดกลิ่น พร้อมเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล โดยสำนักงานเขตกทม.จะเข้ามารับกล่องนมที่โรงเรียนจัดเก็บไปยังศูนย์รวบรวม โดยมีศูนย์รีไซเคิลกล่องเครื่องดื่ม โดยบริษัท ไฟเบอร์พัฒน์ ทำหน้าที่รับกล่องเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลต่อไป
“เรารณรงค์และประสานความร่วมมือเพื่อต่อจิ๊กซอว์จนครบ กระทั่งกล่องที่เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลกลับมาสู่การผลิตเป็นสินค้า เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ชั้นหนังสือ หลังคา ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่ภายใต้วิสัยทัศน์บริษัท ที่มุ่งเน้นลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ และร่วมปลูกฝังการสำนึกรักสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กๆ ต่อยอดปลูกฝังด้านสิ่งแวดล้อมของพวกเขาในอนาคต”
ทั้งนี้ หากพูดถึงความคาดหวังของโครงการฯ ผู้อำนวยการฝ่ายดูแลลูกค้าหลัก เต็ดตรา แพ้ค กล่าวว่า โครงการนมโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นที่ในประเทศไทย หรือที่ใดในโลกที่เราได้มีโอกาสสนับสนุน เราคาดหวังให้เด็กๆ ได้รับนมที่มีคุณภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการ สะอาด ปลอดภัย โดยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ผลิตนมในประเทศและยินดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องส่งเสริมเด็กๆ ในด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
“ถ้าเฉพาะเจาะจงที่ความมุ่งหวังของโครงการรีไซเคิลกล่องนมโรงเรียน เราหวังที่จะเห็นการขยายโครงการไปยังจังหวัดอื่นๆ ที่มีความพร้อม นั่นหมายถึงความพร้อมของทั้งภาครัฐ เช่น โรงเรียนและหน่วยงานของจังหวัด และภาคเอกชน เช่น เครือข่ายการจัดเก็บรวบรวมของผู้ประกอบการธุรกิจรีไซเคิล”
นางสาวน้ำค้าง สาคร ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดลานบุญ เล่าถึงการปลูกฝังเด็กๆ กว่า 1,700 คน ให้ตระหนักถึงการรีไซเคิลว่า ลำดับแรกต้องให้ความรู้กับนักเรียน ซึ่งเป็นหน้าที่ของครูและผู้บริหาร จากเดิมที่เป็นนมถุง เราจัดเก็บโดยม้วนให้เล็กที่สุด เมื่อเปลี่ยนมาเป็นกล่องนมยูเอชที ซึ่งใช้พื้นที่ในการจัดเก็บมากขึ้น ครูจึงต้องทำการศึกษาวิธีการพับและนำมาสอนเด็กๆ ตั้งแต่ชั้นอนุบาล โดยออกแบบกิจกรรมในช่วงเช้า เปิดเพลงค่าน้ำนม และ อิ่มอุ่น เพื่อให้เด็กดื่มนมและพับกล่องให้เสร็จก่อนเพลงจบ มีอาสาสมัครนักเรียนคอยเก็บกล่องนมแต่ละแถวเพื่อนำไปไว้ในที่ที่โรงเรียนจัดเตรียมรอเขตมารับ โดยกิจกรรมดังกล่าวนอกจากเสริมสร้างโภชนาการ ยังให้ความรู้เรื่องรีไซเคิล และปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมอีกด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบันคนไทยดื่มนม 18 ลิตรต่อคนต่อปี เฉลี่ยสัปดาห์ละ 3 แก้ว ขณะที่ค่าเฉลี่ยไม่ว่าจะเอเชียหรือยุโรปราว 70-80 ลิตรต่อคนต่อปี หรือ วันละ 1 แก้ว “นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์” รองผู้อำนวยการทำการแทนผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อสค.) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตนมโรงเรียน 10% ของโครงการฯ ราว 7 แสนกล่องต่อวัน ระบุว่า ทางอสค. ตั้งเป้าหมายภายในปี 2564 จะทำให้มีการดื่มนมมากขึ้น 25 ลิตรต่อคนต่อปี หรือสัปดาห์ละ 3 แก้ว ทั้งนี้ การผลิตนมโรงเรียนของ อสค. ดำเนินการภายใต้มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) สอดคล้องตามมาตรฐานหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร (Good Manufacturing Practice: GMP) ซึ่งกำหนดโดยกระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน ซึ่งกำกับดูแลโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนปัจจุบัน
FYI ร่วมพัฒนาอุตสาหกรรม ส่งเสริมสุขภาพเยาวชน
“โครงการนมโรงเรียน” เป็น 1 ในเป้าหมายของความยั่งยืน เต็ดตรา แพ้ค ในการมุ่ง “ปกป้องอาหาร” (Food) นอกจากการทำให้อาหารปลอดภัยโดยใช้โซลูชั่นการผลิตและบรรจุภัณฑ์แล้ว ยังตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ หรือ UN SDG2 ในการขจัดความหิวโหยและสร้างความมั่นคงทางอาหาร (Zero Hunger) โดยเฉพาะข้อ 2.1 และ 2.2 ที่มุ่งขจัดภาวะความอดอยากให้เป็นศูนย์ เพิ่มระดับการเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ทางโภชนาการ รวมถึงการขจัดภาวะขาดสารอาหารให้หมดไป
โดยมีการทำงานกับภาครัฐ เอกชนกว่า 56 ประเทศทั่วโลก ในบางประเทศ มีการจัดตั้งโครงการศูนย์รวบรวมนม (Dairy Hubs) เชื่อมระหว่างฟาร์มโคนมขนาดเล็กและผู้ผลิตนมรายใหญ่ รับนม 389,470 ลิตร ทุกวันจากเกษตรกรโคนมรายย่อย 36,420 ราย ที่เข้าร่วมโครงการ มีเด็กได้รับประโยชน์กว่า 68 ล้านคนทั่วโลก นอกจากการมุ่งเน้นที่ภาวะโภชนาการในเยาวชนแล้ว ยังช่วยส่งเสริมการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมนมในท้องถิ่น และเพิ่มความตระหนักรู้ในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการรีไซเคิลอีกด้วย
สร้างความยั่งยืนทั้งระบบ
นอกเหนือจาก โครงการรีไซเคิลกล่องนมโรงเรียน ที่ผ่านมา เต็ดตรา แพ้ค ยังมีอีกหลายโครงการเพื่อสร้างความยั่งยืนครอบคลุมทั้งระบบ อาทิ โครงการหลังคาเขียวเพื่อมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ร่วมกับ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย บิ๊กซี และรายการทีวี 360 องศา รวบรวมกล่องเครื่องดื่มจำนวน 2,300 ตัน หรือ 230 ล้านกล่อง ส่งมอบแผ่นหลังคาให้กับ ผู้ประสบภัยและชุมชนต่างๆ กว่า 65,000 แผ่น ในกว่า 20 จังหวัด นับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา
โครงการกล่องยูเอชทีรีไซเคิลได้ ร่วมกับ บริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์และหน่วยงาน ภาครัฐในท้องถิ่น เก็บรวบรวมกล่องเครื่องดื่มใช้แล้ว จำนวน 2,300 ตันหรือ 230 ล้านกล่อง จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน และ องค์กรอื่นๆ จำนวนกว่า 300 แห่ง มาตั้งแต่ปี 2559 ใน 13 จังหวัด
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีการใช้พลังงานหมุนเวียนกว่า 69% ในการดำเนินงาน โดยในปีที่ผ่านมา ทั่วโลกมีการรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่มของเต็ดตรา แพ้ค มากกว่า 5 หมื่นล้านกล่องและลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 10 ล้านตัน ในประเทศไทย ยังมีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์จำนวน 3,076 แผง บนหลังคาโรงงาน จ.ระยอง สร้างพลังงานไฟฟ้าทดแทนได้ 1,350 เมกะวัตต์ชั่วโมง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าปีละ 850 ตัน กิจกรรมเหล่านี้ สามารถสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติที่ 6, 7, 9, 12, 13 และ 15 ได้อย่างเป็นรูปธรรม
เก็บกล่อง ส่งรีไซเคิลง่ายๆ ใน 3 ขั้นตอน