ลองขับ Benz C-Class ใหม่ ใหญ่ขึ้น สปอร์ต สุขุม

สำหรับ Merceded-Benz C-Class ใหม่ รหัสตัวถัง W 206 นี้หากเทียบกับโฉมเดิมมันมีความยาวเพิ่มขึ้น 10.7 ซม. กว้างขึ้น 1 ซม. ความสูงแทบไม่แตกต่างกัน โดยเตี้ยลง 1 มม.

โดยรวมทำให้รถดูใหญ่ขึ้น หรูขึ้น และสปอร์ตขึ้น จากตัวถังที่ดึงให้ยาวและกว้างขึ้น 

ซี-คลาส ใหม่ ออกแบบภายนอกให้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น กระจังหน้า Star pattern grille เอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไฟหน้า LED high-performance โดยปรับขนาดโคมไฟให้เล็กและเรียวขึ้น ไฟท้าย LED ท่อไอเสียคู่ ติดตั้งอยู่ 2 ฝั่ง ซ้าย-ขวา

ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว มาพร้อมยางด้านหน้าขนาด 225/40 R19 ด้านหลัง 255/35 R19 ส่วนถังน้ำมันมีขนาด 66 ลิตร ใหญ่ทีเดียว

ภายในเรียกว่าดึงอารมณ์จากพี่ใหญ่ S-Class มาเลย จอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว เห็นชัดเจน ปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ คือ Classic, Progressive และ Sporty

ส่วนมอนิเตอร์ที่คอนโซลกลางหน้าจอสัมผัสเป็นแบบแนวตั้ง ขนาด 11.9 นิ้ว ติดตั้งเฉียงมาทางผู้ขับเล็กน้อย แบบที่ถ้าไม่สังเกตอาจไม่รู้ แต่ว่าช่วยให้ผู้ขับเห็นข้อมูลต่างๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น 

หน้าจอรวมการควบคุมการทำงานของเครื่องปรับอากาศเอาไว้ด้วย รวมถึงระบบความบันเทิง MBUX (Mercedes-Benz User Experience) รุ่นล่าสุด

ส่วนออปชั่นมาตรฐานหลักๆ เช่น ระบบช่วยจอด (PARKTRONIC) ที่ตรวจจับพื้นที่ว่างสำหรับจอดรถ พร้อมกล้องถอยหลัง เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก และการสร้างข้อมูลภาพเชิงปฏิบัติ 

ระบบแสกนลายนิ้วมือที่หน้าจอมอนิเตอร์ ระบบโทรฉุกเฉิน ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย

ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ระบบเบรก Adaptive Brake ระบบ Auto Brake Hold ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน 

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบจำกัดความเร็ว ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา ระบบเตือนเมื่อเปิดประตู ระบบเตือนคาดเข็มขัดผู้โดยสารตอนหลัง  

ถุงลมคู่หน้า 2 ตำแหน่ง  ถุงลมด้านข้าง 2 ตำแหน่ง ม่านถุงลม 4 ตำแหน่ง และถุงลมป้องกันหัวเข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง เป็นต้น 

ช่วงแรก เมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่งซี-คลาส ลงตลาด 2 รุ่นย่อย มีเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2 ลิตร พร้อมระบบไมลด์ไฮบริด ที่ทำหน้าที่สร้างและจ่ายไฟฟ้าเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถยนต์ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 48 โวลต์ ให้กำลังสูงสุด  200  แรงม้า (เพิ่มจากรุ่นเดิม 6 แรงม้า) แรงบิด 440 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9G-Tronic) ขับเคลื่อนล้อหลัง

ข้อมูลระบุว่าอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 245 กม./ชม. 

ซึ่งการลองขับจริง ผมใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ ขึ้นทางด่วนด่านสุรวงศ์ มุ่งหน้าไปทางด่วนอุดรรัถยา เป้าหมายปลายทางคืออยุธยา เมืองเก่า หนึ่งในนั้นคือวัดโลกยสุธาราม ที่มีพระพุทธไสยาสน์ ปางไสยาสน์ ใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา ยาว 42 เมตร และสูง 8 เมตร

แนะนำให้ไปครับ สวยงาม สงบ ร่มรื่นครับ 

เส้นทางต่างๆ ที่ผ่าน เห็นได้ชัดว่าเครื่องยนต์ตอบสนองได้ดีเลยครับ จังหวะการเพิ่มความเร็วหรือเปลี่ยนความเร็วเป็นสิ่งที่โดดเด่น พูดง่ายๆ แซงได้สบายใจ สามารถผ่านช่องว่างแคบๆ บนท้องถนนได้ดี 

การส่งกำลังผ่านเกียร์ลื่นไหล เมื่อกดคันเร่งลงไป รับรู้ได้ว่าความเร็วไต่ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีจังหวะสะดุด นั่นช่วยเติมอารมณ์สปอร์ตได้ชัดเจนทีเดียว 

ซึ่งการขับขี่ที่มีโหมด Sport ให้เลือก ซึ่งจะปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้รวดเร็วขึ้น น้ำหนักพวงมาลัยเพิ่มขึ้น และข้อดีอย่างหนึ่งคือ เป็นอารมณ์สปอร์ตที่ดูสุขุมขึ้น ไม่กระโชกโฮกฮากมากเกินไป ผู้ขับสนุกได้ และก็เอาใจผู้โดยสารได้ดี 

แต่จริงๆ แล้ว การใช้งานในโหมด Comfort ผมว่าไปไหนก็ได้ เพราะการตอบสนองของเครื่องยนต์เหลือๆ ขับได้สนุกอยู่แล้ว

ส่วนช่วงล่าง สำหรับคันที่อยู่กับผม คือ C 220 d AMG Dynamic เป็นแบบ Sports suspension รับผิดชอบต่อหน้าที่ได้ดี ทั้งเรื่องของการซับแรงสั่นสะเทือนบนผิวถนนที่ไม่เรียบ หรือขรุขระ ให้เข้ามายังห้องโดยสารน้อย นั่งได้สบาย และขณะเดียวกันก็ตอบสนองการขับขี่ทั้งการใช้ความเร็วหรือจังหวะการเปลี่ยนช่องทางซอกแซกไปมาได้อย่างคล่องแคล่ว 

เส้นทางจากทางแยกบางปะอินไปอยุธยา ที่ถนนหลายช่วงไม่ราบ เป็นคลื่นเป็นลอนชัดเจน สูงๆ ต่ำๆ ตรงนี้เป็นการช่วยให้ช่วงล่างตอบคำถามได้ดีอีกช่วงหนึ่ง เพราะรถพยายามรักษาตัวถังให้ขนานกับพื้นโลกให้มากที่สุด ขณะที่ล้อจะขึ้นลงตามสภาพผิวถนน ทำให้นั่งได้สบายๆ ไม่รู้สึกว่ากระโดด กระเด้ง

และที่สำคัญคือ ช่วยให้ผู้สามารถรักษาความเร็วในการเดินทางได้เช่นเดิม เพราะถ้าตัวถังขึ้น-ลง มากๆ การคุมรถก็ยากขึ้นไปอีก

พวงมาลัยจับได้กระชับมือ แม่นยำ และน้ำหนักดี ช่วยได้มากในการควบคุมรถในทางโค้ง หรือทางที่มันขรุขระ เป็นเนินเป็นร่อง ช่วยให้รถไม่วอกแวกไปไหน

ขณะที่คันเร่งเมื่อสัมผัสครั้งแรก ดูเหมือนจะแข็งๆ และต้องออกแรงกดสักหน่อย แต่ว่าพอคุ้นเคยก็ไม่ได้รู้สึกหนักอะไร และยังช่วยให้เลี้ยงคันเร่งได้ค่อนข้างนิ่ง

ส่วนเบรก เหมือนจะดูลึกๆ เล็กน้อย แต่เมื่อชิน จับจังหวะได้ก็ไม่มัปัญหาอะไรในการใช้งาน ขณะที่อาการของรถเมื่อเบรกหนักๆ นิ่ง และจังหวะการยุบตัวหน้า-หลัง สมดุล  ทำให้การขับขี่ควบคุมง่าย และผู้นั่งก็นั่งได้สบาย แม้จะต้องเบรกหนักๆ ก็ตาม

พื้นที่ในห้องโดยสาร ทำได้ดี ผู้ขับนั่งสบาย ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่าย ทัศนวิสัยชัดเจนดี ขณะที่เบาะนั่งด้านหลัง ผมไปลองนั่งดูเห็นได้ว่าพื้นที่วางเท้า หรือว่าพื้นที่ว่างช่วงเข่าเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม ทำให้นั่งได้สบายขึ้น ไม่อึดอัด

โดยรวม ซี-คลาส เป็นรถที่เติบโตขึ้น ทั้งขนาดตัวถัง ทำให้นั่งได้สบาย เบาะหลังมีพื้นที่วางเท้า พื้นที่ว่างช่วงเช่าเพียงพอ และยังเติบโตในด้านความหรูหรา รวมถึงอารมณ์ในการขับขี่ที่ได้ทั้งความสปอร์ต และความสุขุมนุ่มลึกเอาไว้ด้วยกัน

ดังนั้นจึงเป็นรถที่เหมาะทั้งการขับขี่ส่วนตัว ครอบครัว องค์กร หรือแม้กระทั่งจะเป็นรถผู้บริหาร ที่ไม่ต้องการรถคันใหญ่โตเกินไป เป็นรถที่กะทัดรัด คล่องตัว แต่ตอบสนองการใช้งานเพียงพอครับ