Benz GLS350d ใหญ่แต่คล่อง เอสยูวี อารมณ์สปอร์ตของครอบครัว
เป็น ฟูลไซส์ เอสยูวี ที่พอได้ใช้งานจริงแล้วต้องบอกว่า มีความคล่องตัวไม่น้อยทีเดียวสำหรับ “Mercedes-Benz GLS350d 4MATIC AMG Premium” ที่มีขนาดความยาวมากกว่า 5.2 เมตร แต่สามารถที่จะฝ่าฟันการจราจรที่หนาแน่นบนท้องถนน รวมถึงเข้าออกซอกซอยได้
Merceded-Benz GLS เป็นรถขนาด 7 ที่นั่ง เหมาะสำหรับองค์กร หรือ ครอบครัว เพราะห้องโดยสารกว้างขวาง แถมเพิ่มความโปร่งโล่งกับหลังกระจก พาโนรามา ขนาดใหญ่ ช่วงแดดร่มลมตกหรือกลางคืนเปิดม่านบังแดดออก ช่วยเพิ่มมุมมองใหม่ๆ ให้กับผู้โดยสารได้มาก
เบาะนั่งคู่หน้าไม่ต้องพูดถึง กว้างขวาง นั่งสบาย ปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบจดจำตำแหน่ง และยังมีระบบขยับเบาะเพื่อลดความเมื่อยล้าเมื่อเดินทางไกล
เบาะแถวที่ 2 ปรับด้วยไฟฟ้าเช่นกัน มีพื้นที่กว้างขวางชัดเจน แม้จะปรับเลื่อนไปด้านหน้า เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ผู้นั่งเบาะแถว 3 ก็ยังมีพื้นที่วางเท้า และพื้นที่ช่วงเข่าที่ยังกว้างขวางเหลือเฟือ
นอกจากนี้ยังมีม่านบังแดด ควบคุมด้วยไฟฟ้าให้ใช้ด้วย รวมถึงมีมอนิเตอร์ส่วนตัวที่ติดตั้งไว้กหลังเบาะคู่หน้าให้ควบคุม หรือเลือการทำงานของรถบบต่างๆ ได้ และแน่นอนมีช่อง ยูเอสบี แบบไทป์ ซี และช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ ให้ใช้ด้วยเช่นกัน
ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 เข้าออกไม่ยาก โดยกดปุ่นเบาะเบาะแถวที่ 2 หรือปุ่มบริเวณที่พักแขนของเบาะแถว 3 ก็ได้ แบบกดครั้งเดียว เบาะหน้าสุดจะเลื่อนไปด้านหน้าเล็กน้อย ตามด้วยเบาะแถว 2 จะเลื่อนไปด้านหน้า พร้อมพนักพิงพับโยกไปข้างหน้า เปิดช่องให้การเข้า-ออก ทำได้สะดวกมากขึ้น
เสริมด้วยบันไดด้านข้างสำหรับเหยียบขึ้นลง
ส่วนการทำให้เบาะกลับสู่ตำแหน่งเดิม ก็กดปุ่มเดิมค้างเอาไว้ จนกว่าจะเข้าที่ เรียกว่าใช้งานได้สะดวกครับ
และหากต้องการเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ ก็สามารถพับเบาะแถว 2 และแถว 3 ได้ และเพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น ด้วยปุ่มควบคุมที่ติดตั้งไว้บริเวณพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย เลือกได้จะพับทีละเบาะ หรือ พับพร้อมกันทั้งหมด ก็ได้ทั้งนั้น และที่บริเวณนี้ก็ยังมีช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์เอาไว้ให้อีก 1 ช่องด้วย
ย้อนกลับมาที่เบาะนั่งแถว 3 แน่นอนว่าความสบายคงไม่เท่ากับเบาะอื่นๆ แต่เป็นเบาะที่ใช้งานได้จริง มีความกว้างขวาง และที่สำคัญคือมีพื้นที่วางเท้าเพียงพอ
ซึ่งการลองใช้งานครั้งนี้ ผมเดินทางรวม 6 คน ซึ่งผู้โดยสาร บอกว่าเรื่องของการใช้งานเบาะนั่ง สอบผ่านครับ
GLS350d 4MATIC AMG Premium มีค่าตัว 6.629 ล้านบาท เป็นรถที่ประกอบในประเทศ (CKD) และแน่นอนอัดออปชั่นมาเต็มที่ เริ่มจากภายนอกไม่ว่าจะเป็นประตูแบบ Soft Close ทั้ง 4 บาท แค่งับเบาๆ ระบบจะดูดให้เข้าที่เอง ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมคิก เซ็นเซอร์
ไฟหน้า มัลติบีม แอลอีดี ระบบปรับโคมตามการหมุนของพวงมาลัย เพื่อทัศนวิสัยที่ดีขึ้น ระบบเพิ่มการส่องสว่างขณะเลี้ยว ระบบไฟสูงอัตโนมัติ ไฟสองทางใต้กระจกรูปโลโก้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ช่วยให้ลงจากรถในที่มืดๆ ปลอดภัยขึ้น กระจกมองข้างปรับระดับและพับอัตโนมัติ ฝั่งผู้ขับปรับลดแสงอัตโนมัติ
ภายในหน้าจอแสดงผลแบบไวด์ สกรีน เลือกการแสดงข้อมูลได้หลากหลาย ควบคุมได้จาก ทัชแพด เล็กๆ บนพวงมาลัยทั้งด้านซ้ายและขวา ใช้งานง่าย และเพิ่มความสะดวกในการขับขี่ไม่ต้องย้ายมื่อไปไหน
ซึ่งรวมถึงการเลือกปรับในส่วนอื่นๆ ด้วย เช่นการเชื่อมต่อ เลือกสื่อ เลือกเพลง เปลี่ยนเพลง เลื่อนคลื่นวิทยุ ควบคุมระบบนำทาง รวมถึงการป้อนจุดหมายต่างๆ ฯลฯ ก็ควบคุมจาก ทัชแพดนี้ได้เลย
นอกจากนี้ก็ยังมีระบบสั่งการด้วยเสียงให้เลือกใช้ด้วย
ไฟเรืองแสงรอบห้องโดยสาร 64 เฉดสี รเบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ ระบบเสียง Burmester มอนิเตอร์สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง 2 จอ พร้อมหูฟังบลูทูธ 2 ชุด ช่องยูเอสยี ไทป์ ซี รวม 7 ตำแหน่ง ไม่ต้องแย่งกัน
ระบบขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ฟังก์ชันสตาร์ทเครื่องยนต์ และระบบปรับอากาศด้วยโทรศัพท์มือถือเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัล
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบรักษาระยะห่างจากคันหน้า ระบบเตือนจุดอับสายตา ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง ระบบช่วบเบรก
ติดตั้งถุงลมด้านหน้า 2 ตำแหน่งด้านข้าง 4 ตำแหน่ง ม่านถุงลม 6 ตำแหน่ง และถุงลมป้องกันห้วเข่าผู้ขับ
นี่เป็นส่วนหนึ่งครับ ยังมีอีกมากมายครับ เอาเป็นว่านึกอยากอะไรในรถ คันนี้ก็น่าจะมีให้เกือบครบแหละครับ
ส่วนเรื่องสมรรถนะการใช้งาน เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร 286 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร เหลือๆ ครับ ดูจากอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ใช้เวลาแค่ 7 วินาที สำหรับรถคันใหญ่ยักษ์นี่ก็ไม่ธรรมดาครับ
ซึ่งการตอบสนองของเครื่องยนต์โดดเด่น ช่วยให้รถคล่องตัว หรือถ้าจะใช้ภาษาพูดว่า จี๊ดจ๊าด ก็ได้เลย ขับออกต่างจังหวัดนี่สนุกมาก เจอทางเล็กๆ แซงทีละ 4-5 คัน ได้สบายๆ
โหมดขับขี่มีทั้ง ECO, Comfort, Sport และ Individual ซึ่งในแง่ของกำลังเครื่องยนต์จะใช้โหมดไหนก็ได้ ตอบสนองการขับขี่ได้หมด จะทำความเร็ว หรือเร่งแซง
แต่ถ้าขับในเส้นทางเขา หรือทางที่มีโค้งเยอะๆ ต้องการช่วงล่างที่กระชับมากขึ้น ก็เลือก Sport จะทำให้ขับสนุกมากขึ้น และรับรู้ได้ว่ารถคันใหญ่ๆ น้ำหนักไม่น้อยคันนี้เล่นกับโค้งได้ไม่เคอะเขิน มีความแม่นยำสูง
แต่โดยส่วนตัว ถ้าพูดถึงการตอบสนองของเครื่องยนต์ ผมชอบแบบ Comfort มากกว่า เพราะมันตอบสนองเพียงพออยู่แล้ว ถ้าเป็น Sport มันดุดันเกินความจำเป็น
ทางออก ก็เลือกโหมด Individual สิครับ ปรับ ช่วงล่าง พวงมาลัยแบบ sport ส่วนเครื่องยนต์เลือก Comfort แค่นั้น
ส่วนการขับขี่ในเส้นนอกถนน ก็สะดวกสบาย และสามารถปรับระดับความสูงได้จากช่วงล่างแบบถุงลม (Airmatic) และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่จัดการกับเส้นทางแบบทางดิน ลูกรัง หรือหินลอยได้สบายๆ
เป็นรถที่เหมาะกับครอบครัว หรือผู้ชอบใช้รถคันใหญ่ๆ ที่ใช้งานสะดวก ขับง่าย ควบคุมง่ายครับ