มาสด้า ซีเอ็กซ์-8 ปรับโฉม-ออปชั่น เพิ่ม 20,000 บาท
ปี 2562 มาสด้า เปิดตัว “ซีเอ็กซ์-8” (MAZDA CX-8) เป็นครั้งแรก มีเป้าหมายเพื่อสร้างตลาดใหม่ เติมความต้องการลูกค้าที่ต้องการรถที่ตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น และล่าสุดมาสด้าขยับตัวอีกครั้ง กับการปรับโฉม CX-8 รุ่นปี 2023
จุดขายสำคัญของ มาสด้า ซีเอ็กซ์-8 (Mazda CX-8) ก็คือ เป็นเอสยูวีที่มีขนาดใหญ่ รองรับผู้โดยสาร 6 -7 คน ในระดับราคาที่ไม่แรงนัก
โดยช่วงเปิดตัว ซีเอ็กซ์-8 มีรุ่นย่อยให้เลือกประกอบด้วยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2 รุ่น คือ 2.5 S ราคา 1.599 ล้านบาท 2.5 SP 1.699 ล้านบาท เครื่องยนต์ดีเซล ดีเซล ประกอบด้วย XDL 1.899 ล้านบาท และ XDL EXCLUSIVE 2.069 ล้านบาท
เพราะในช่วงเวลานั้น รถที่จะตอบสนองการเดินทางของคน 6-7 คน ในระดับราคาดังกล่าว ก็จะป็นรถ พีพีวี เป็นหลัก ซึ่งมีความแตกต่างกันคือ พีพีวี พัมนาขึ้นจากปิกอัพที่มีแชสซีส์ แต่ซีเอ็กซ์-8 เป็นเอสยูวี ตัวถังโมโนค็อค
ซีเอ็กซ์-8 ผลิตจากโรงงานในมาเลเซีย และทำตลาดได้เรื่อยๆ แต่ไม่มากนัก ในขณะที่มาสด้า ก็พยายามสร้างความเคลื่อนไหวให้กับผลิตภัณฑ์อยู่เรื่อยๆ
และการพยายามทำให้ลูกค้าเห็นถึงประโยชน์ในการใช้งาน ว่ารองรับได้ทั้งการใช้งานครอบครัว ใช้งานองค์กร และไม่เคอะเขิน เมื่อใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันที่ขับคนเดียว
เพราะตัวรถให้อารมณ์ความเป็น เอสยูวี ที่ชัดเจน
ล่าสุด มาสด้า สร้างความเคลื่อนไหวอีกครั้งด้วยการ ปรับโฉม CX-8เ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางส่วน เพิ่มออปชั่นเข้าไป
ซึ่งจุดเด่นของ ซีเอ็กซ์-8 โฉมปี 2023 เช่น
- ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go ที่ได้รับการพัฒนาและติดตั้งในรถมาสด้า CX-8 ใหม่เป็นรุ่นแรก และระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน i-Activsense รอบคัน
- กระจังหน้าแบบใหม่สี Gun Metallic ล้ออัลลอย ดีไซน์ใหม่ ขนาด 19 นิ้ว
- เพิ่มทางเลือกสีใหม่ 2 สี คือ สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ และสีเทา โพลีเมทัล เกรย์
- อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) และรองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android AutoTM
- ติดตั้งระบบ GVC Plus ในทุกรุ่นย่อย
- หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า
- ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี
- เพิ่มทางเลือกรูปแบบภายในห้องโดยสาร 3 รูปแบบ เป็นครั้งแรก
ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ระยะเวลาการทำตลาด 3 ปี ซีเอ็กซ์-8 มียอดขายสะสม 4,349 คัน
“การเปิดตัวในวันนี้ นับเป็นรุ่นที่ 3 เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับรถในตระกูล CX-Series ทำให้รถรุ่นนี้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าครอบครัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนมากขึ้นกว่าเดิมในหลายๆ คาดว่ารถรุ่นนี้จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็น และสามารถเติมเต็มความสุขให้กับสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้ในทุกการเดินทาง”
ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซีเอ็กซ์-8 ปรับปรุงให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น การออกแบบภายนอกให้สอดคล้องกับรถยนต์มาสด้าเจเนอเรชั่นใหม่ ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่
ขณะที่ภายในห้องโดยสารปรับวัสดุแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งด้วยวัสดุ Warm Silver มาพร้อมเบาะหนังสีดำ หรือวัสดุ Metal Wood ที่มาคู่กับเบาะหนัง Nappa สีแดง Deep Red
เบาะนั่งทั้ง 3 แถว ไม่ว่าจะเป็นแบบ 7 ที่นั่ง หรือ 6 ที่นั่ง แบบใหม่ โดยรุ่น 6 ที่นั่ง แบบ Captain seat แยกอิสระซ้าย ขวา มี 2 ทางเลือก ได้แก่ แบบปรับธรรมดา และ ปรับไฟฟ้า พร้อมคอนโซลกลาง
มาพร้อมระบบระบายอากาศเบาะนั่งคู่หน้า ที่ช่วยระบายอากาศและความชื้น
ส่วนความสะดวกสบายในการใช้งาน เช่น การติดตั้ง Mazda Connect สามารถอัพเดทข้อมูลข่าวสาร หรือ รับ-ส่ง ข้อความ จากสมาร์ทโฟนผ่านสัญญาณ Bluetooth
Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android AutoTM ที่เชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ที่แสดงผลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander ที่จัดวางในตำแหน่งที่ผู้ขับขี่ใช้งานได้อย่างสะดวก
นอกจากนี้ อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger และ USB สำหรับชาร์จไฟบริเวณเบาะนั่งแถวที่สามได้ถูกเพิ่มเข้ามา
ระบบเสียง Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง
ซีเอ็กซ์-8 มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ เช่นเดิม คือ
เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร (Skyactiv-D 2.2) เทอร์โบแปรผัน ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 17.5 กม./ลิตร
ติดตั้งระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ Off-Road (Off-Road Traction Assist) เพิ่มเติมในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD
ส่วนเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ เบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร (Skyactiv-G 2.5) ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 258 นิวตัน-เมตร อัตราสิ้นเปลือง 13.2 กม./ลิตร
ขณะที่ระบบ GVC Plus ที่ติดตั้งในทุกรุ่นย่อย เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีภายใต้ SKYACTIV-Vehicle Dynamics ที่ช่วยควบคุมสมรรถนะขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล โดยเฉพาะในทางโค้งและในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ส่วน i-Activsense เป็นการทำงานรวมกันของระบบ Advanced SCBS หรือระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า ระบบ SCBS-R ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการชนขณะถอยหลัง ติดตั้งในทุกรุ่นย่อย
ระบบ MRCC แบบ Stop & Go ที่พัฒนาและติดตั้งใน ซีเอ็กซ์-8 เป็นรุ่นแรกของมาสด้าที่วางจำหน่ายในไทย ระบบสามารถปรับความเร็วตามรถคันหน้าแบบอัตโนมัติจนถึงจุดหยุดนิ่ง
ส่วนระบบอื่นๆ ที่ติดตั้งมา เช่น
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาในขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Smart Brake Support)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Lane-keep assist System)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Control)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring)
- ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (Lane Departure Warning System)
- ไฟหน้า Adaptive LED Headlamps
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Smart City Brake Support-Reverse)
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support)
- ระบบแสดงภาพ 360° รอบทิศทาง พร้อมมุมกล้อฟงในแบบ Top View ผ่านหน้าจอ Center Display ขนาด 8 นิ้ว เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด ด้านหลัง 4 จุด ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น และแบบปกป้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุ (Passive Safety)
- ถุงลมคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลม รวม 6 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ ซีเอ็กซ์-8 ปรับราคาขึ้น 2 หมื่นบาท ประกอบด้วย
- 2.5 S SKYACTIV-G 2.5 แบบ 7 ที่นั่ง 1,549,000 บาท
- 2.5 SP SKYACTIV-G 2.5 แบบ 7 ที่นั่ง 1,619,000 บาท
- 2.5 SP EXCLUSIVE SKYACTIV-G 2.5 แบบ 6 ที่นั่ง1,699,000 บาท
- XDL SKYACTIV-D 2.2 แบบ 7 ที่นั่ง 1,849,000 บาท
- XDL EXCLUSIVE SKYACTIV-D 2.2 แบบ 6 ที่นั่ง ปรับไฟฟ้า 2,199,000 บาท
โดยมีให้เลือก 7 สี คือ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ และสีเทา โพลีเมทัล เกรย์ , สีแดง โซล เรด คริสตัล (เพิ่ม 17,000 บาท), เทา แมชชีน เกรย์ (เพิ่ม15,000 บาท), ดำ เจ็ท แบล็ก, สีน้ำเงิน ดีพ คริสตัล บลู และ สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (เพิ่ม 10,000 บาท)
ส่วนแคมเปญส่งเสริมการขายช่วงเปิดตัว คือ ดอกเบี้ย 1.99% สำหรับดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน แถมประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี แถม Mazda Care 5 ปี ฟรีค่าบำรุงรักษา ฟรีค่าแรงและค่าอะไหล่ ตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร