ส.อ.ท. เผยยอดส่งออกรถยนต์ขยายตัว 15.51% ในเดือนต.ค.

ส.อ.ท. เผยยอดส่งออกรถยนต์ขยายตัว 15.51% ในเดือนต.ค.

ส.อ.ท. ปลื้มยอดส่งออกรถยนต์เดือน ต.ค. อยู่ที่ 94,228 คัน ขยายตัว 15.51% จากปีก่อนหน้า เหตุได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) เพิ่มขึ้น โดยทั้งเดือน ต.ค. ผลิตรถยนต์ได้ 170,717 คัน เพิ่มขึ้น 10.83% ลุ้นทั้งปี 2565 แตะ 1.8 ล้านคัน ตามเป้าเดิม

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป ในเดือนต.ค. 2565 ส่งออกได้ 94,228 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า 15.51% เพิ่มขึ้นจากการส่งออกรถ PPV รถยนต์นั่ง และรถกระบะจากการได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นในรถยนต์นั่งและรถ PPV บางรุ่น จึงส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และตลาดแอฟริกา ขณะที่มูลค่าการส่งออก 84,917.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 18.91%

"ยอดการส่งออกรถยนต์ขยายตัวได้ดี เนื่องจากผู้ผลิตได้รับส่งมอบชิปเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถผลิตเพื่อส่งออกได้ตามออเดอร์ โดยมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากรถ PPV มีมูลค่าสูงกว่ารถยนต์นั่งและรถกระบะ"

ขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์ 10 เดือนแรกปี 2565 (ม.ค. – ต.ค.) อยู่ที่ 800,672 คัน โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 5.48% และมีมูลค่าการส่งออก 497,282.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.40%

 

สำหรับจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนต.ค. 2565 มีทั้งสิ้น 170,717 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 10.83% จากการผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น 9.75% เพราะได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นในรถยนต์นั่งบางรุ่น ทำให้ผลิตเพื่อส่งออกมีสัดส่วนถึง 57.13% ของยอดผลิตทั้งหมด ทำให้ยอดผลิตของรถยนต์ช่วง 10 เดือน ปี 2565 (ม.ค. – ต.ค.) มีจำนวน 1,534,754 คัน เพิ่มขึ้น 12.36% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 

“ทั้งนี้ ยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้อาจเป็นไปได้ตามเป้าหมายเดิมที่ 1.8 ล้านคัน หากผู้ผลิตรถยนต์ยังได้รับส่งมอบชิปเหมือนในช่วงที่ผ่านมาซึ่งยังต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”

ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนต.ค. 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 64,618 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า 0.24% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศจากผ่อนปรนให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติเข้าประเทศสะดวกขึ้น ทำให้มีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ คนมีงานทำและมีรายได้เพิ่มขึ้น

รวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเช่นคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน การส่งออกยังคงเติบโต การประกันรายได้เกษตรกร การช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น และการออกรถยนต์รุ่นใหม่ ทำให้ยอดขายรถยนต์ในช่วง 10 เดือนแรกปี 2565 มีจำนวน 698,305 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ในระยะเวลาเดียวกัน 17.09% 

สำหรับยอดจดทะเบียนยานยนต์ประเภทแบตเตอรี่ไฟฟ้า (BEV) ในเดือน ต.ค. 2565 จดทะเบียนใหม่ 1,960 คัน เพิ่มขึ้น 288.89% จากเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทผสม (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 5,036 คัน เพิ่มขึ้น 121.65% และยานยนต์ไฟฟ้าประเภทเสียบปลั๊กแบบผสม (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 899 คัน เพิ่มขึ้น 84.98%

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 ต.ค.2565 มีจำนวนรถยนต์นั่งไฟฟ้าประเภท BEV จดทะเบียนสะสม 11,025 คัน เพิ่มขึ้น 198.54% จากปีก่อนหน้า รถยนต์นั่งประเภท HEV จำนวน 241,764 คัน เพิ่มขึ้น 32.06% และรถยนต์นั่งไฟฟ้าประเภท PHEV จำนวน  40,790 คัน เพิ่มขึ้น 35.38%

“ยอดขายยานยนต์ไฟฟ้ายังมีอัตราการเติบโตได้ดีในปีนี้ โดยเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 1,000 คัน ซึ่งปัจจุบันยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าประเภทไฮบริดจะมีสัดส่วนมากที่สุดในช่วงการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยี ซึ่งเมื่อโครงสร้างพื้นฐานของรถอีวีมีความพร้อมมากขึ้น คาดว่ายอดขายของรถ BEV จะมีสัดส่วนราว 70% ของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด”