เกีย 'EV6' เอ็มพีวี 'ไฟฟ้า' น่าใช้ ลุ้นเปิดตลาดในไทย
แม้เกีย (KIA) จะเป็นกลุ่มธุรกิจเล็กๆ ในประเทศไทย มีรถทำตลาดหลักๆ แค่รุ่นเดียว คือ รถเอ็มพีวี คาร์นิวัล แต่ก็ต้องยอมรับว่าการยอมรับของลูกค้ามีไม่น้อยทีเดียว ยอดขายนั้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การเติบโตของเกีย ในไทย น่าสนใจ โดยเฉพาะ คาร์นิวัล (Carnival) รุ่นล่าสุดที่มาดี ทั้งด้านความสะดวกในการใช้งาน สมรรถนะ รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองจากเครื่องยนต์ดีเซล ที่ทำได้น่าพอใจ
และนอกจาก เอ็มพีวี ที่ผ่านมา เกีย ก็ทำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ควบคู่ไปด้วยเช่นกัน แต่เป็นการทำตลาดชนิดที่เรียกว่าเฉพาะกลุ่มมากๆ หรือ niche market สำหรับ SOUL EV
แต่ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกีย น่าสนใจทีเดียว นั่นคือ การนำ อีวี “KIA EV6” (เกีย อีวี6) เข้ามาจัดแสดงในงาน มหกรรมยานยนต์ แม้จะยังไม่เปิดตัว แต่ก็คงเป็นการลองเชิง หรือ ถ้าจะพูดเป็นภาษาทางการ คือ การศึกษาตลาด
เพราะว่าลักษณะตลาดของเกียในปัจจุบัน เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม มีลูกค้าที่ชื่นชอบ ดังนั้นการสื่อสารต่างๆ ก็ทำได้ง่าย และการคาดหวังตลาด ก็ไม่ได้คาดหวังในวงกว้าง ปริมาณมากๆ ซึ่งเหมาะกับรถกลุ่ม อีวี
แต่ที่สุดแล้ว เกีย ประเทศไทย โดยผู้บริหารสาว "ฬสนันท์ ภูนิธิพันธุ์กุล" ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด จะตัดสินใจเปิดตลาหรือไม่ ต้องรอลุ้นต่อไป
แต่ทั้งนี้หากไปดูแนวนโยบายของบริษัทแม่ เกาหลีใต้ ก็จะเห็นได้ว่ามุ่งไปทางด้าน อีวี ด้วยเช่นกัน โดยเกีย ประกาศว่าภายในปี 2027 หรือ 2570 จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่างน้อย 14 รุ่น
โดยเกีย อีวี 6 เป็น อีวี รุ่นแรกภายใต้แผนระยะยาวนี้
เกีย อีวี 6 พัฒนาขึ้นจากแพลตฟอร์ม Electric-Global Modular Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ (Dedicated EV Platform) เป็นรุ่นแรก
เกีย ระบุว่า แพลตฟอร์มนี้จะช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ และในด้านความสะดวกสบาย จะทำให้ห้องโดยสารกว้างขวาง และยืนยันว่าเป็นรถไฟฟ้าที่ล้ำสมัย และเหมาะต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน โดยได้รับรางวัลการันตีด้านคุณภาพ 2022 European Car of the Year
- เกีย อีวี 6 ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
- ให้กำลังสูงสุด 325 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 605 นิวตันเมตร
- อัตราเร่งจาก 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 5.2 วินาที
- โหมดการขับขี่ Normal Mode / ECO Mode / Sport Mode และ Smart Mode แบตเตอรี่ขนาดความจุ 77.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
- ระยะทางการขับขี่สูงสุดต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง 490 กิโลเมตร (มาตรฐานการทดสอบ WLTP)
และยังสามารถดึงพลังงานไฟฟ้า ออกมาใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกได้อีกด้วย
ส่วนการดีไซน์ ใช้แนวคิด Opposite United เป็นการผสมผสานระหว่างความล้ำสมัยและความเป็นธรรมชาติ ภายนอกเน้นความเรียบง่าย ไฟหน้าแบบ IFS LED พร้อมกับเทคโนโลยี Dynamic Welcome Light ไฟท้ายแบบเส้น Connected LED
ภายในเน้นให้เรียบง่าย แต่ดูหรูดูแพง ด้านหน้าเป็นแบบ Panoramic Curved Display ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบโค้ง คอนโซลหน้าดูโปร่ง พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่สามารถปรับพับเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของได้มากขึ้น
รวมถึงมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้ารถอีกด้วย
ระบบด้านความสะดวกและความปลอดภัยที่ติดตั้งมา เช่น
- ประตูท้ายควบคุมการปิด-เปิดด้วยไฟฟ้า
- เครื่องเสียง Meridian ระดับ Premiere พร้อมลำโพง 14 ตำแหน่ง
- เทคโนโลยี DRIVE WiSE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบ Active Safety