EQS 500 4MATIC AMG Premium... อีวี พรีเมียม สำหรับคนชอบขับ
EQS เป็นรถนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ในกลุ่มพรีเมียม แบรนด์แรกและแบรนด์เดียว ที่ประกอบในไทย (CKD) และวางตำแหน่งเป็นเรือธงในฝั่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ก่อนที่จะเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จะทยอยเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ต้นปี 2565 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เปิดตัว EQS 450+ AMG Premium นำเข้าจากเยอรมนี ค่าตัวเริ่มต้น 8.57 ล้านบาท แต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็พูดชัดเจนว่ามีแผนประกอบ อีวี ในไทยแน่นอน
และเมื่อถึงเวลาของ ซีเคดี เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตัดสินใจที่จะประกอบ EQS 500 4MATIC AMG Premium แทน ซึ่งมีสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น รวมถึงออปชั่นที่เพิ่มขึ้นหลายรายการ แต่ทำราคาที่จูงใจมากขึ้นอยู่ที่ 7.9 ล้านบาท
สมรรถนะที่เพิ่มขึ้น หลักๆ คือ การใช้มอเตอร์ 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมอเตอร์ด้านหลังให้กำลังสูงสุด 333 แรงม้า ตัวเดียวกับ 450+ ที่เป็นรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และมอเตอร์หน้ากำลังสูงสุด 191 แรงม้า โดยรวมแล้ว EQS 500 4MATIC AMG Premium ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 828 นิวตันเมตร
แน่นอนแรงม้ารวม ไม่ได้เอาแรงม้าจากมอเตอร์หน้าบวกกับมอเตอร์หลังตรงๆ เพราะในการใช้งานจริงคงไม่มีจังหวะที่ไหนที่มอเตอร์ทั้ง 2 ตัว จะทำงานด้วยแรงม้าสูงสุดพร้อมกัน
ขณะที่แบตเตอรี่เพิ่มความจุเล็กน้อยจาก 107.8 เป็น 108.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับการขับขี่สูงสุด 702 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ส่วนการชาร์จได้ทั้งไฟกระแสสลับ หรือ AC และไฟฟ้ากระแสตรง หรือ DC charge ที่รองรับได้สูงถึง 200 kWh ซึ่งจะทำให้ชาร์จไฟจาก 10-80% ในเวลา31 นาทีจาก 10-80%
ก่อนหน้านี้ผมเคยขับ 450+ มาแล้ว คราวนี้ดูว่า แรงม้า แรงบิดที่เพิ่มขึ้น และขับเคลื่อน 4 ล้อ จะแตกต่างกันหรือไม่ และการขับขี่โดยรวมจะเป็นอย่างไร
ต้องยอมรับว่า แรงบิดที่เพิ่มขึ้น ช่วยให้รถกระฉับกระเฉงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวเลข 0-100 กม./ชม. จากโรงงานระบุไว้ที่ 4.8 วินาที ซึ่งก็อารมณ์รถสปอร์ตดีๆ นี่แหละครับ
แต่ไม่ต้องอิงกับตัวเลข เอาที่ลองใช้งานจริง การเรียกอัตราเร่งมาได้อย่างรวดเร็ว ช่วยได้มากกับการขับขี่ที่ต้องเปลี่ยนความเร็วบ่อยครั้ง ชะลอความเร็วแล้วเติมความเร็วใหม่ ซึ่งพบได้ทั่วไปในบ้านเรา ไม่จำเป็นต้องเป็นเส้นทางเข้า-ออกโค้ง แต่บนทางหลวง หรือมอเตอร์เวย์ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ผมลองขับครั้งนี้ก็ต้องขับขี่แบบนั้น กับจังหวะเปลี่ยนช่องทางไปมา ถอนคันเร่ง เบรก เติมคันเร่ง แทบจะตลอดทาง มันทำให้การเดินทางโดยรวมทำเวลาได้ดี
จุดเด่นอีกสิ่งหนึ่งก็คือ การไล่ความเร็วทำได้อย่างต่อเนื่อง ลื่นไหล และมาได้เร็ว เผลอแวบเดียวทะลุท็อปสปีด (210 กม./ชม.) ไปแล้ว แต่ตรงนี้เป็นการหาสถานที่โล่งๆ ลองดูครับ
และจังหวะการปรับเปลี่ยนความเร็วไม่ว่าขึ้นหรือลงก็มีจังหวะเชื่อมต่อที่เรียบเนียน การเปลี่ยนแหล่งให้กำลังจากมอเตอร์ 2 ตัว ไม่สะดุด
ซึ่งหลักการทำงานของมอเตอร์ 2 ตัว หากขับปกติ การออกตัวจะใช้มอเตอร์ตัวหลัง และเมื่อความเร็วถึง 50 กม./ชม. จะเปลี่ยนไปใช้มอเตอร์ตัวหน้า และเมื่อถึง 100 กม./ชม. จะเปลี่ยนมาที่ล้อหลัง แต่ถ้าเป็นจังหวะที่กดคันเร่งแรงๆ หรือคิกดาวน์ จะทำงานร่วมกัน 2 ตัวรวมถึงจังหวะเส้นทางที่ระบบคำนวณว่าควรส่งกำลังไปทั้ง 4 ล้อ
สิ่งที่ผมชอบอีกสิ่งหนึ่งคือ ที่ความเร็วสูง ตัวรถมีความนิ่งเกินกว่าที่คิด ไม่มีอาการส่งมาทั้งที่พวงมาลัย หรือว่าการดื้อของล้อแต่อย่างใด แม้ว่าจะเป็นรถที่ช่วงล่างเป็นแบบถุงลมก็ตาม ช่วยให้ขับได้ไม่เหนื่อย แต่อย่าลืมเหลือบตาดูความเร็วเป็นระยะ ไม่อย่างนั้นมันจะสูงเกินไปโดยไม่รู้ตัว
ในทางโค้ง (เส้นทางมอเตอร์เวย์ยาวไปสุดทางที่ทางออกมาบตาพุด) ผมว่ามันจัดการได้ดี การจิกโค้งแม่นยำ และไม่มีอาการโอเวอร์สเตียร์ให้รู้สึก
ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากทั้งเรื่องของช่วงล่าง การมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ แอโร่ไดนามิคที่ดี กับค่า ซีดี 0.21 รวมถึงระบบช่วยเลี้ยวของล้อหลัง 4.5 องศา ซึ่งที่ความเร็วสูงจะเลี้ยวไปทางเดียวกับล้อหน้า ช่วยให้ล้อหลังมีส่วนกับการบังคับทิศทางด้วย ไม่ได้พึ่งล้อหน้าอย่างเดียว
ส่วนถ้าเป็นการขับขี่ที่ความเร็วต่ำจะเลี้ยวในทิศทางตรงข้ามกับล้อหน้า เพื่อลดวงเลี้ยวให้แคบลง เพิ่มความคล่องตัวที่มีความยาวกว่า 5.2 เมตร และกว้าง 1.92 เมตร
พวงมาลัยน้ำหนักดี ช่วยให้ควบคุมได้อีกทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเลือกโหมดขับขี่ comfort หรือ sport ก็ตาม ซึ่ง EQS 500 มีให้เลือก คือ ECO, Comfort, Sport และ Individual
ส่วนการใช้งานห้องโดยสาร การออกแบบเบาะนั่งเน้นสปอร์ต เบาะหน้านั่งได้กระชับ เหมาะกับการควบคุมรถ และก็มีฟังก์ชันนวดมาให้ด้วย เบาะหลังพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ ตัวเบาะแม้จะค่อนข้างแข็ง แต่ก็นั่งได้ค่อนข้างสบาย แต่ก็อย่านำเทียบกับ เอส-คลาส ซึ่งนั่งได้สบายมาก มันเป็นคนละตลาดกัน
เบาะหลังไม่มีระบบนวด แต่เพิ่มออปชั่นจอมาให้ 2 จอ พร้อมหูฟังบลูทูธ 2 ชุด เพิ่มความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
สำหรับภาพรวมของ EQS 500 4MATIC AMG Premium โครงสร้างพื้นฐานไม่เกี่ยวอะไรกับ เอส-คลาส เพราะเป็นรถที่สร้างขึ้นจากแพลตฟอร์มอีวีโดยเฉพาะ คือ EVA2 (Electric Vehicle Architecture Generation 2)
การออกแบบภายนอกนอกจากเน้นความสวยงาม สปอร์ต และ พรีเมียมแล้ว ก็ยังต้องเน้นเรื่องของหลักแอโร่ไดานามิค ซึ่งรวมถึงช่องลมต่างๆ เช่นด้านหน้าที่ส่งลมมาข้างล้อ จากนั้นล้อก็มีหน้าที่ในการตัดลมออกไปอีกทาง นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งว่ามีลายล้อให้เลือกไม่มากนัก
และหากดูตัวรถดีๆ จะเห็นว่ามีรายละเอียดหลายจุด เช่น โคมไฟท้ายที่ไมได้โค้งเนียนตลอด แต่บริเวณกึ่งกลางมีเนื้อนูนๆ ขึ้นมาเล็กน้อย หรือแก้มท้ายรถที่เหมือนบุ๋มลงไป กระจกมองข้างมีเส้นนูนขึ้นมาก ทั้งหมดนี้เกี่ยวกับการควบคุมทิศทางลมทั้งหมด
ที่ด้านนอกมีจุดขายอีกอย่าง คือ ไฟหน้าความละเอียดสูง 1.3 ล้านพิกเซล/ข้าง พร้อมเทคโนโลยี DIGITAL LIGHT และ ULTRA RANGE Highbeam จุดเด่นคือส่องสว่างได้ไกล 600 เมตร ส่องสว่างในพื้นที่ต้องการได้มากที่สุด ด้วยการใช้วิธีวาดภาพสิ่งที่ที่ต้องการหลีกเลี่ยง เช่น คน รถยนต์ รถจักรยานยนต์" จากนั้นด้วยความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล ทำให้ส่องแสงไปล้อมรอบสิ่งที่ต้องการหลบเลี่ยงได้ละเอียด
ส่วนด้านท้ายรูปทรงแบบฟาสต์แบ็คฝาท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้าพร้อม คิก เซ็นเซอร์ และเปิดได้กว้าง ช่วยให้ขนของขึ้นลงได้สะดวก
ไฟท้ายเป็นไฟท้ายเคลื่อนไหวแบบ Adaptive tail lights multi-level functionality เห็นได้ชัดเจนในที่มืดแบบ 3D helix design
ภายในห้องโดยสาร ด้านหน้าอลังการไปด้วยหน้าจอแบบ MBUX Hyperscreen 3 จอต่อเนื่อง ตั้งแต่ด้านผู้โดยสาร จอกลาง และด้านหน้าผู้ขับขี่ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เช่นฝั่งผู้โดยสารสามารถเลือกโหมดต่างๆ ได้ที่หน้าจอของตนเอง ทำให้ไม่รบกวนจอกลางหรือจอผู้ขับที่อาจกำลังดูข้อมูลต่างๆ หรือระบบนำทางอยู่
เพิ่มความบันเทิงด้วย MBUX และระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Burmester 3D surround sound system พร้อมลำโพง 15 ดอก ระบบฟอกอากาศแบบ HEPA filter พร้อมระบบตรวจวัดระดับฝุ่นละอองขนาด PM2.5 พร้อมกราฟฟิกที่แสดงให้เห็นแบบเรียลไทม์ว่า ช่วงนั้นนอกรถมีค่า PM 2.5 เท่าไร และในรถเท่าไร รวมถึงมีระบบกระจายน้ำหอมแบบ AIR BALANCE package โดยที่ใส่น้ำหอมอยู่ในกล่องเก็บของด้านหน้าผู้โดยสาร
ส่วนฟังก์ชันด้านความปลอดภัย เช่น Driving assistance package ที่รวมระบบการทำงานเอาไว้ เช่น ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC), ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist), ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist), ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Active Blind Spot Assist), ระบบช่วยการทรงตัวและดึงรถกลับเข้าช่องจราจร (Evasive Steering Assist) และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist) เป็นต้น
สรุปโดยรวมสำหรับ EQS 500 4MATIC AMG Premium เป็นรถที่ออกแบบมีความพรีเมียม ทันสมัย ขณะที่ด้านสมรรถนะ เป็นรถที่ขับสนุก เหมาะกับคนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ ชอบพลังงานไฟฟ้า
และที่สำคัญคือ เป็นคนที่ชอบขับรถด้วยตัวเองครับ