‘Tesla’ รายได้ต่ำกว่าคาด-หุ้นขาลง ‘สัญญาณเตือน’ อุตสาหกรรม EV โลก?!
ลางร้ายอุตสาหกรรมรถ EV? เมื่อกูรูด้านรถออกโรงเตือนว่า รายได้ยักษ์ใหญ่ “Tesla” ที่พลิกชะลอตัวลงเกินคาด กำลังส่งสัญญาณเตือนอันน่ากังวลในธุรกิจรถ EV
ผู้อยู่ในวงการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อาจจะต้องรับฟังคำเตือนนี้ เมื่อ อดัม โจนัส (Adam Jonas) หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านรถยนต์ของธนาคาร Morgan Stanley เตือนว่า ผลประกอบการของ Tesla บริษัทผลิตรถ EV ของสหรัฐในไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาด ถือเป็น “สัญญาณเตือน” ต่ออุตสาหกรรมรถ EV โดยเขามองว่า “Tesla” เป็นเหมือน “มาตรฐานทองคำ” ของบรรดา EV ซึ่งหากมาตรฐานนี้หดตัวลง สะท้อนว่าอุตสาหกรรมรถ EV โดยรวมก็กำลังชะลอตัวด้วย
ขณะที่ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท Tesla ชี้แจงผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดว่า เกิดจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเพิ่มภาระดอกเบี้ยต่อเหล่าบริษัทและผู้ซื้อรถ
ความเห็นที่ดูมืดแปดด้านของมัสก์ ประกอบกับผลประกอบการที่ผิดคาด ได้กดราคาหุ้น Tesla ลง 9.3% ในวันพฤหัสบดี (19 ต.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบมากกว่า 3 เดือน และหุ้นก็ได้ร่วงต่ออีก 4.4% สู่ราคา 210.42 ดอลลาร์ในวันศุกร์ (20 ต.ค.)
โจนัส ชี้ว่า Tesla เปรียบเสมือน “ผู้นำ EV ในระดับโลก” ขณะที่รถค่ายอื่นหรือรถจากบริษัทสตาร์ทอัพต่าง ๆ ยังคงตามหลังรถ Tesla อยู่อีกไกล นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมผลประกอบการที่ลดลงของ Tesla ถึงสะท้อนภาพรวมของอุตสาหกรรมรถ EV ได้
- รถ Tesla (เครดิต: Tesla) -
เมื่อส่องผู้ผลิตรถ EV รายอื่น ๆ อย่าง Ford, General Motors, และ Stellantis NV ที่มีฐานผลิตในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกนของสหรัฐ พบว่า บริษัทเหล่านี้มีต้นทุนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับ Tesla เพราะเป็นลูกจ้างในกลุ่มสหภาพแรงงาน ทำให้สามารถเรียกร้องค่าแรงได้สูงกว่า
ดังนั้น ขนาด Tesla ที่มีต้นทุนต่ำกว่า ยังทำกำไรงามได้ยาก บริษัท EV อื่น ๆ ก็คงประสบปัญหาหนักกว่า อีกทั้งการชะลอตัวของธุรกิจ Tesla ยังส่งผลกระทบต่อบรรดาซัพพลายเออร์ในอุตสาหกรรม EV ด้วย
“ถ้า Tesla ยังมีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน 5% ด้วยค่าแรงลูกจ้าง 45 ดอลลาร์ (ราว 1,600 บาท) ต่อชั่วโมงได้ยาก แล้วกำไรของบริษัท EV อื่นในเมืองดีทรอยต์ล่ะ ที่จ้างด้วยค่าแรงเกือบ 100 ดอลลาร์ (ราว 3,600 บาท) ต่อชั่วโมง จะสู้ไหวหรือ?” โจนัสตั้งข้อสังเกต
ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าบริษัทรถที่มีฐานในเมืองดีทรอยต์อย่าง General Motors, Ford และ Stellantis NV กำลังเจอการประท้วงของสหภาพแรงงาน เพื่อขอขึ้นค่าแรงอีก
อย่างไรก็ตาม โจนัสยังคงเชื่อมั่นใน Tesla และคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับหุ้น Tesla โดยมองว่ายังเป็นผู้นำ EV และช่วงนี้ บริษัทอาจจำเป็นต้องเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (เช่น สงครามอิสราเอล-ฮามาส สงครามการค้าจีน-สหรัฐ) การบริโภคที่ลดลง และดอกเบี้ยขาขึ้นทั่วโลก แม้ว่าในระยะสั้น ราคาหุ้น Tesla จะได้รับผลกระทบ แต่ในระยะยาวมีโอกาสเติบโตต่อ
อ้างอิง: bloomberg