มิตซูบิชิ Xpander ไฮบริด มาเหนือ เปิด 7 โหมดขับขี่ น่าใช้
เปิดราคามาได้ดีทีเดียวสำหรับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี (Xpander HEV) และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี (Xpander Cross HEV) รถไฮบริด ที่ 9.12 และ 9.46 แสนบาท เพราะเป็นราคาเดียวกับ เอ็กซ์แพนเดอร์ จีที และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส รุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ในปัจจุบัน
สำหรับราคาค่าตัวของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี (Xpander HEV) และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี (Xpander Cross HEV) นี้อย่างน้อยจะมีถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 จากนั้นค่อยมาดูกันอีกทีว่าจะขยับหรือไม่ อย่างไร
ส่วนข้อเสนอในช่วงนี้ที่มิตซูบิชิให้มา ประกอบด้วย
- การรับประกันคุณภาพรถใหม่ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
- แพ็กเกจบำรุงรักษานาน 5 ปี
- ค่าแรงเช็คระยะตลอด 5 ปี
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี
- ประกันภัยชั้น 1 ฟรีหนึ่งปี
- รับประกันระบบขับเคลื่อนไฮบริด ยาวนานถึง 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
- ขยายระยะรับประกันพิเศษสำหรับแบตเตอรี่ขับเคลื่อนไฮบริดปีที่ 6-10 ไม่จำกัดระยะทาง
- ดอกเบี้ย 0% สำหรับการดาวน์ 25% และผ่อน 48 เดือน
นอกจากราคาแล้ว การเปิดตลาดไฮบริดของมิตซูบิชิก็เป็นเรื่องน่าสนใจ แม้ว่าก่อนหน้านี้ค่ายนี้จะมีลูกผสมทำตลาดอยู่แล้ว คือ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี (Outlander PHEV) แต่นั่นเป็นตลาดเล็กๆ หรือ niche market
แต่กับตระกูล เอ็กซ์แพนเดอร์ นี่เป็นตลาดใหญ่และตลาดสำคัญของมิตซูบิชิ
เอ็กซ์แพนเดอร์ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เปิดตัวครั้งแรกในอินโดนีเซีย ปี 2560 ซึ่งขายดิบขายดี และเมื่อนำเข้ามาทำตลาดในไทยการตอบรับก็ดีกว่าที่คาด ทำให้ช่วงแรกๆ มีรถค้างจองจำนวนมาก รอรถกันหลายเดือนทีเดียว
จากนั้นโรงงานอินโดนีเซีย ก็เปิดตัว เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ตามมาในปี 2562
รถตระกูลเอ็กซ์แพนเดอร์ ถือเป็นรถรุ่นสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดยในปีงบประมาณ 2565 มียอดขายรวมกว่า 130,000 คัน เป็นรุ่นที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 3 ต่อจากมิตซูบิชิ ไทรทัน และ เอาท์แลนเดอร์ โดยมียอดขายสะสมรวมสูงกว่า 650,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรก
เฉพาะในประเทศไทย เอ็กซ์แพนเดอร์ และเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส มียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้นกว่า 64,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวเดือนสิงหาคม 2561
ส่วนการมาของไฮบริด ที่เปิดตัวครั้งแรกในโลก (World Premier) ที่ประเทศไทย มันไม่ได้ผลิตที่อินโดนีเซีย แต่ผลิตที่โรงงานแหลมฉบัง ประเทศไทย และเปิดตัวในไทยเป็นที่แรกของโลก
เป็นฟูล ไฮบริด ในตลาดรถเอ็มพีวีขนาดเล็ก 7 ที่นั่ง ทำให้มัันเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในยุคที่คนต้องการความประหยัด แต่ยังไม่พร้อมไปเล่น อีวี โดยสเปคของรถระบุว่าอยู่ที่ 19 กม./ลิตร
พูดถึงระบบไฮบริดของ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี มิตซูบิชิบอกว่าเป็นการเรียนรู้มาจากเทคโนโลยีปลั๊ก-อิน ไฮบริด อย่างเอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวีซึ่งก็เรียนรู้มาจาก อีวี อีกต่อ ซึ่งก็ต้องไม่ลืมว่ามิตซูบิชินั้นมีรถ อีวี ตั้งแต่ปี 2552 นั่นคือ ไอมีฟ (i- Miev)
และการเป็นไฮบริดแบบฟูลไฮบริดนั่นหมายถึง มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานแทบจะตลอดเวลา ทำให้ได้จุดเด่นจากสมรรถนะมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งหากดูจากสเปคก็จะเห็นได้ชัดว่าแรงม้า แรงบิด มอเตอร์ไฟฟ้านั้นสูง และสูงกว่าเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร ที่ทำงานร่วมกัน
ส่วนเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ในรุ่นนำเข้าจากอินโดนีเซียที่ใช้เครื่องยนต์อย่างเดียวให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร
ซึ่งการตอบสนองของไฮบริดหากเทียบรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร กระฉับกระเฉงกว่ากันชัดเจนครับ อย่างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.เท่าที่ลองกันอยู่ประมาณ 10 วินาที บวกลบ คือบางคนทำได้ต่ำกว่า 10 วินาที บางคนสูงกว่า แต่ก็ไม่ถึง 11 วินาทีครับ
เครื่องยนต์เบนซิน1.6 ลิตร
- กำลังสูงสุด ..... 95 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด ..... 134 นิวตันเมตร
มอเตอร์ไฟฟ้า
- กำลังสูงสุด..... 116 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด ..... 255 นิวตันเมตร
ส่วนการลองขับในสนามก็รู้สึกว่ามันตื่นตัวมากกว่าครับ จังหวะเพิ่มความเร็วหรือช่วงออกจากโค้งทำได้เร็ว
สำหรับการทำงานของ ฟูลไฮบริดเมื่อมออกตัว และขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว และเมื่อเร่งความเร็ว หรือขับขึ้นเนินขึ้นทางลาดชัน จะปรับเปลี่ยนสู่การขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริด แต่ก็ยังเป็นหน้าที่ของมอเตอร์ที่ได้รับพลังงานไฟฟ้าจากการปั่นไฟของเครื่องยนต์เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงจะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเสริม
เมื่อลดความเร็วหรือเบรกจะเข้าสู่รูปแบบ Regenerative Braking หรือการชาร์จไฟกลับเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี ทำให้การทำงานโดยรวมของไฮบริดค่อนข้างลื่นไหลครับ
จุดเด่นอีกสิ่งหนึ่งที่่มิตซูบิชิจัดค่อนข้างเต็มคือการให้โหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกถึง 7 โหมด และแต่ละโหมดถือว่ามีความโดดเด่นครับ
รวมถึง ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างคล่องตัวโดยเฉพาะขณะเข้าโค้ง แม้จะเป็นลื่นก็ตาม ซึ่งมีมาแล้วก่อนหน้านี้
ซึ่งก็ได้ลองขับลองใช้โหมดต่างๆ กันที่สนามหนองค้อ เซอร์กิต ศรีราชา ชลบุรี
7 โหมด มีเกี่ยวกับ อีวี 2 โหมด และอื่นๆ อีก 5 โหมด ประกอบด้วย
- Charge Modeเพื่อเตรียมพลังงานไฟฟ้าเอาไว้แบตเตอรี และเรียกใช้เมื่อต้องการ แม้แบตจะเล็กๆ ตามแบบฉบับของไฮบริดทั่วไป คือ 1.1 kWh แต่มิตซูบิชิระบุว่าขับขี่ได้ 2 กม.
- Ev Priority Mode คือการเลือกใช้พลังงานไฟฟ้าเท่าที่แบตเตอรีจะมีพลังงานให้
- Normal Mode เป็นโหมดสำหรับการขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน
- แต่เมื่อเจอทางเปียกลื่น ก็ปรับมาใช้ Wet Mode ที่จะช่วยป้องกันการลื่นไถล ซึ่งเราก็ลองขับในพื้นผิวที่เปียกเทียบกับ Nomal ด้วยคความเร็วเท่ากัน มันแตกต่างแบบรู้สึกได้ชัดเจน รถจิกโค้งได้ดีไม่มีอาการอันเดอร์สเตียร์ หรือ โอเวอร์สเตียร์
- Gravel Mode เป็นอีกโหมดที่ขับได้สนุกบนทางกรวด ทางลูกรัง หรือทางที่ลื่นและขรุขระ ซึ่งผมลองขับแบบสลาลอม และขับแบบโดนัท เทียบกับ Normal ก็ชัดเจนครับ Gravel คุมรถได้ดีกว่า เกาะติดกับกรวยที่ตั้งให้ขับซิกแซกได้ดีกว่า และใช้ความเร็วได้มากกว่า และเมื่อขับแบบโดนัท มันก็ทำความเร็วได้มากกว่าชัดเจน โดยที่รถไม่ไถลออกนอกวงกลม
- อีกโหมดที่บอกตรงๆ ว่าทำให้ทึ่ง คือทึ่งตั้งแต่ที่คิดจับมันมาใส่ในรถขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า คันย่อมๆ คันนี้แล้วหละครับ คือ Mud Mode ระบบที่ช่วยขับขี่ในทางดินโคลน ซึ่งจากการลองขับ มันผ่านอุปสรรคไปได้ง่ายๆ เลยครับ ผ่านได้่โดยไม่ต้องใช้เทคนิคการหักล้อสลับไปมาเพื่อตะกุยดินด้วยซ้ำ
แนวคิดของมิตซูบิชินั้นน่าสนใจ เพราะบอกว่าไปศึกษาตลาด ศึกษากลุ่มลูกค้ามาแล้ว ไม่ใช่ว่าทุกบ้านจะมีถนนลาดยางมะตอย หรือซีเมนต์หน้าบ้านทุกหลัง บางคนต้องขับรถผ่านทางดิน ซึ่งจะมีปัญหามากในช่วงฤดูฝน
การทำงานของโหมดนี้ก็คือ มันจะล็อคการส่งกำลังไปยังล้อขับเคลื่อนทั้ง 2 ล้อ เท่ากันตลอดเวลา แม้ว่าจังหวะนั้นๆ แรงเสียดทานของล้อกับพื้นทางจะไม่เท่ากันก็ตาม พูดง่ายๆ มันมีดิฟเฟอเรนเชียล ล็อค หรือ ที่นิยมเรียกกันว่าดิฟล็อคในตัว แถมยังใช้งานสะดวก แค่เลือกปรับโหมดจากปุ่มข้างๆ เกียร์เท่านั้นเอง
อีก 1 โหมด เรากลับขึ้นมาบนทางเรียบนั่นคือ Tarmac Mode เป็นโหมดที่รถจะตอบสนองในเรื่องสมรรถนะที่ร้อนแรงขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมการขับขี่มให้คล่องตัวขึ้นจัดการกับเส้นทางต่างๆ รวมถึงทางโค้งได้ดีขึ้น
แต่เอาจริงๆ นะ โหมดนี้ก็ดีครับ แต่กับเอ็กซ์แพนเดอร์ ผมว่าเรื่องของการยึดเกาะถนน หรือการทรงตัว เซ็ตมาค่อนข้างดีอยู่แล้ว ถึงจะใช้ Normal ก็ขับได้สนุกแล้วครับ
ทั้งหมดเป็นการขับในสนามเพื่อเรียนรู้ถึงการทำงานของระบบต่างๆ ส่วนการใช้งานในชีวิตประจำวัน การขับขี่กันยาวๆ รวมถึงออปชั่นต่างๆ เอาไว้ขับกันยาวๆ แล้วค่อยเล่าให้ฟังอีกครั้งครับ
แต่ผมว่าทั้งระบบไฮบริด และ โหมดการขับขี่ ถ้าหากสื่อสารกับลูกค้าให้ดี ให้เห็นถึงประโยชน์ หรือบางคนให้เห็นถึงความจำเป็น ตลาดเอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี หรือ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี น่าจะไปได้สวยครับ