ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ดีเซล 3.0 ลิตร "วี6" สายบุ๋น
พีพีวี ที่ต่อยอดมาจากปิกอัพมีหลายรุ่นให้เลือกมีจุดขายที่แตกต่างกันออกไป และสำหรับ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ (Ford Everest) จุดแข็งหลักๆ คือ เพอร์ฟอร์แมนซ์ การขับขี่ และหากยังไม่พอ ล่าสุด ฟอร์ดเสริมตลาดด้วย เอเวอเรสต์ แพลทิทัม เครื่องยนต์ ดีเซล วี6 3.0 ลิตร แต่เปิดขายจำนวนจำกัด
ปัจจุบัน เอเวอเรสต์ มีฐานการผลิตที่โรงงาน ออโต้ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หรือ เอเอที (AAT) แห่งเดียวในโลก รองรับทั้งตลาดในประเทศและส่งออก
ซึ่งที่ผ่านมา ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ดีเซล วี6 ตัวนี้ เป็นหนึ่งในรุ่นที่ส่งออก แต่ไม่ได้จำหน่ายในไทย ครั้งนี้ฟอร์ดตัดสินใจเปิดตลาดเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้อการรถที่สมรรถนะสุงขึ้น ด้วยราคา 2,270,000 บาท และมีจำหน่าย 350 คัน โดยจะเปิดให้จองออนไลน์เท่านั้นตั้งแต่เวลาเที่ยงวัน วันที่ 26 มีนาคม 2567
วี6 3.0 ลิตร วี 6 สเปคของรถแทบจะเหมือนกันทุกอย่างกับรุ่นส่งออก ต่างกันที่ถุงลมมี 7 ตำแหน่ง น้อยกว่ารุ่นส่งออกมี 9 ตำแหน่ง คือ ถุงลมระหว่างเบาะคู่หน้ากับคู่หลัง
โดยสิ่งที่แตกต่างจากเอเวอเรสต์รุ่นเดิมที่จำหน่ายในปัจจุบัน คือ
- เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 กำลังสูงสุด 250 แรงม้าที่ 3,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,250 รอบ/นาที
- กระจังหน้าที่ลดความเงาลง เพิ่มความพรีเมียมมากขึ้น
- ติดตั้งชื่อ PLATINUM ที่ฝากระโปรงหน้า ประตูหน้า ฝาท้าย
- ติดตั้งสัญลักษณ์ V6 ที่ด้านข้าง
- หลังคา Panoramic Moonroof สีดำ ราวหลังคาแบบยกสูงสีเงินโครเมียม
- ล้ออัลลอย 21 นิ้ว พร้อมยางขนาด 275/45 R21
- ไฟส่องสว่างรอบตัวถังแบบแบ่งโซน เพื่อรองรับกิจกรรมที่หลากหลาย
- ภายในห้องโดยสารเน้นตกแต่งด้วยสีดำ พร้อมตัวอักษร PLATINUM
- เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง และมีระบบปรับอากาศในตัวเบาะทั้ง ชุดทำความร้อน และชุดระบายอากาศ
- เบาะผู้ขับขี่มีระบบบันทึกตำแหน่ง 3 ตำแหน่ง
- ระบบ Easy Entry and Exit เบาะผู้ขับ โดยเบาะจะเลื่อนเข้า-ออก อัตโนมัติได้ประมาณ 2 นิ้ว เพิ่มความสะดวกในการเข้า-ออกของผู้ขับข่ี่
- ระบบอุ่นพวงมาลัย
- เครื่องเสียง Bang & Olufsen ลำโพง 12 ดอก พร้อมซับวูฟเฟอร์
ส่วนรายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆ เช่น เกียร์อัตโนมัติ อี-ชิฟเตอร์ 10 สปีด ช่วงล่าง เบรก และออปชั่นอื่นๆ เหมือนกับรุ่นที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน
ผมชอบอารมณ์ของเครื่องยนต์ตัวนี้นะ การขับขี่อาจจะไม่ได้เซ็ทให้อารมณ์ร้อนแรงแบบวัยรุ่นชอบคือออกตัวจี๊ดจ๊าดพอเห็นว่าเป็น วี6
ผมเรียกมันว่าเป็นสายบุ๋น มีความสุขุมนุ่มลึก ไม่แสดงออกผ่านการกระชากระชั้นเป็นรถแต่งซิ่ง แต่วัยรุ่นที่ไหนก็อย่าได้คิดมาแหย่ เพราะมันพร้อมที่จะทะยานไปข้างหน้าแบบนุ่มนวล โดยไม่ต้องออกแรงเต็มที่แต่อย่างใด
และตอกย้ำด้วยความสงบเยือกเย็นที่แสดงออกมา เสียงเครื่องยนต์เงียบ บางช่วงจะมีคำรามก็คำรามเบาๆ ช่วงให้ห้องโดยสารยิ่งเพิ่มความเงียบยิ่งขึ้น ขณะที่เสียงจากส่วนอื่นๆ ทั้งเสียงลมปะทะ เสียงยาง มีเข้ามาน้อย เอาเป็นว่าใครที่ชอบความเงียบในห้องโดยสาร น่าจะชอบอกชอบใจคันนี้
บวกกับเครื่องเสียงที่ให้ระบบเสียงมาดี จะยิ่งทำให้การเดินทางเพลิดเพลินยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนเรื่องการควบคุมรถใครที่เคยขับเอเวอเรสต์จะรู้ว่ามันเป็นรถที่ควบคุมได้ง่าย การทรงตัว การยึดเกาะถนนดี ขับสนุก ทางตรงทางโค้งจัดการได้น่าพอใจ แต่สำหรับแพลทินัม มันเพิ่มความสปอร์ตขึ้นไปอีกขั้น ทั้งจากตัวเครื่องยนต์ที่ปรับเปลี่ยนความเร็วได้ดีขึ้น และการยึดเกาะถนน โดยเฉพาะทางโค้งที่คมขึ้น ซึ่งหลักๆ การใช้ยางขนาดใหม่
ขณะที่โครงสร้างตัวถัง แม้จะเป็นรถที่มีขนาดสูง แต่การโยนตัวค่อนข้างน้อย นั่นช่วยการคุมรถในทางโค้งง่ายขึ้นไปอีก
ซึ่งการตอบสนองของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง พวงมาลัยที่แม่นยำ ทำให้รถที่มีขนาดตัวถังใหญ่ ยาวเกือบๆ 5 เมตร คันนี้มีความคล่องตัวในการใช้งาน แม้ว่าจะขับบนท้องถนนที่รถหนาแน่นอย่างเมืองหลวงของเราก็ตาม โดยขนาดตัวถังของรถคือ
- ความยาว 4,914 มม.
- ความกว้าง 1,923 มม.
- ความสูง 1,842 มม.
ส่วนช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลัง คอยล์สปริงพร้อมวัตต์ลิงค์และเหล็กกันโคลง
เบรกเป็นดิสค์เบรก 4 ล้อ พร้อมครีบระบายความร้อน
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัม มาพร้อมระบบขับเคลื่อนที่เพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น คือ มีทั้ง 2H, 4H, 4L และ 4A ซึ่งไอ้เจ้า 4A หรือ All Wheel Drive นี้ ใครอยากเปิดไว้ตลอดเวลาก็ได้ เพราะรถจะคำนวณให้เองว่าเมื่อไรจะส่งกำลังไปที่ล้อต่างๆ เท่าไร
ส่วนโหมดการขับขีก็มีให้เลือก 6 โหมด
- โหมดปกติ (Normal)
- โหมดประหยัด (Eco)
- โหมดลื่น (Slippery)
- โหมดโคลน (Mud/Ruts)
- โหมดทราย (Sand)
- โหมดลากจูง (Tow/Haul)
แต่ละโหมดระบบก็จะส่งกำลังไปยังล้อต่างๆ ต่างกันออกไปตามความเหมาะสม รวมถึงควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ เช่น การรักษารอบเครื่องยนต์ในโหมดที่ต้องการกำลังมากเป็นพิเศษ รวมถึงเพิ่มความหน่วงของเครื่องยนต์ เช่น โหมดลากจูง เป็นต้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการลงทางชัน ลงทางเขา
การเลือกใช้งานโหมดต่างๆ หรือระบบขับเคลื่อน ก็สะดวกเหมือนกับรุ่นที่ทำตลาดก่อนหน้านี้ คือ จะกดปุ่มเพื่่อเลือกระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ 4 ล้อ ด้วยตนเอง ก็ได้หรือจะหมุนปุ่มเลือกโหมดขับขี่ ระบบก็จะเลือกระบบขับเคลื่อนที่เหมาะสมให้ เช่น หมุนไปที่โหมดทราย ระบบก็จะปรับจาก 2H ที่ใช้อยู่เป็น 4H ให้อัตโนมัติ เป็นต้น
แต่ว่าครั้งนี้ยังไม่ได้ลองการขับขี่ทางออฟโรด หรือ ทางเดิร์ท เอาไว้รอบหน้า เมื่อมีจังหวะเวลา สถานที่ จะมาเล่าสู่กันฟังอีกที
ส่วนออปชั่นอื่นๆ ที่มีมาให้ เช่น
- ไฟหน้า แบบแมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมระบบปรับมุมแสงอัตโนมัติ ระบบป้องกันไฟรบกวนผู้อ่น และระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ
- ไฟขับขี่กลางวัน แอลอีดี รูปตัว C ไฟตัดหมอก ไฟท้าย แอลอีดดี
- ประตูท้าย เปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า
- ภายในห้องโดยสาร
- ที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย
- ระบบปรับอากาศออัตโนมัติ แยกอิสระ ซ้าย-ขวา และระบบปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง
- กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ ติดตั้งช่องเชื่อมต่อ USB มาให้เพื่อง่ายต่อการเชื่อมต่ออุปกรณ์ เช่น กล้องหน้ารถ
- จอสัมผัสมัลติทัช ขนาด 12 นิ้ว
- ระบบสั่งการด้วยเสียง รองรับการเชื่อมต่อแอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ แบบไร้สาย
- จอแสดงข้อมูลขับขี่ 12.4 นิ้ว
- ระบบ FordPass connect
- ข่วงเชื่อมต่อยูเอสบี 4 จุด
- ช่องต่อไฟ 12V มีมาให้ 3 ช่อง และไฟ 230V (400W) 1 ช่อง
ด้านระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย หลักๆ เช่น
- ถุงลม 7 ตำแหน่ง
- ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
- สัญญาณเตือนระยะจอดทั้งด้านหน้า และหลัง
- ระบบควบคุมสเถียรภาพการทรงตัว และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี รวมถึง Electric Brake Booster
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และระบบลดความเสี่ยงการพลิกคว่ำ
- ระบบควบคุมความเร็วลงเขา
- เบรกมือไฟฟ้า
นอกจากนี้ก็ยังมีระบบช่วยการขับขี่ ที่ติดตั้งมาให้อีกหลายรายการ เช่น
- รเบบช่วยจอด
- ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่าง พร้อมระบบ Stop&Go
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง
- ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากการชน
- ระบบเตือนรถออกนอกเส้นทาง
- ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด
- กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
- ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง
- ระบบช่วยหักพวงมาลัย เลี่ยงการปะทะ
- ระบบตรวจเช็กลมยาง
โดยรวมสำหรับ ออปชั่น ให้มาเยอะครับ ส่วนเรื่องของการขับขี่ ตอบสนองการใช้งานได้ทั้งในเมือง และออกนอกเมือง เดินทางท่องเที่ยว ขับได้สบายๆ ไม่เหนื่อย จากกำลังเครื่องยนต์จังหวะเพิ่มความหรือเร่งแซง ไม่ต้องเค้น และช่วงล่างที่จัดการได้ดี และยังดูดซับแรงสั่นสะเทือนเมื่อทางไม่ดีได้ค่อนข้างดีอีกด้วยครับ