Tesla ทวงบัลลังก์! ขึ้นเบอร์ 1 แซง BYD แต่ข่าวร้ายคือยอดขาย 'หดตัวแรง'

Tesla ทวงบัลลังก์! ขึ้นเบอร์ 1 แซง BYD แต่ข่าวร้ายคือยอดขาย 'หดตัวแรง'

"Tesla" ทวงบัลลังก์แชมป์ยอดส่งมอบรถ EV จาก "BYD" แต่ยอดขายเทสล่า กลับ"หดตัว"กว่า 20% ต่ำสุดในรอบปี เผชิญวิกฤติตลาดรถยนต์ไฟฟ้าชะลอตัว ซ้ำถูกชิงเค้กตลาดจีน ไม่แปลกใจทำไม"หุ้นร่วง"

ทสลา(Tesla) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐฯ กลับมาครองตำแหน่งผู้นำตลาด EV จากบีวายดี (BYD) คู่แข่งสัญชาติจีนอีกครั้ง หลังจากที่ในไตรมาส 1 ของปี 2566  บลูมเบิร์กเผยตัวเลขส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาได้ 466,140 คันทั่วโลก แซงหน้า BYD ที่ส่งมอบได้ 450,000 คัน

แต่ทว่าทั้ง Tesla และ BYD ต่างเผชิญกับยอดขายที่ลดลงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ทวีความรุนแรง  รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ตึงเครียดในจีนส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค

ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม Tesla มีการส่งมอบรถยนต์ 386,810 คัน และผลิตได้ 433,371 คัน ซึ่งลดลงจากปีก่อน  8.5% และ 1.7% ตามลำดับ ขณะเดียวกันยอดขายก็ลดลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

Tesla ทวงบัลลังก์! ขึ้นเบอร์ 1 แซง BYD แต่ข่าวร้ายคือยอดขาย \'หดตัวแรง\'

อย่างไรก็ตามแม้ Tesla จะมีการส่งมอบและผลิตที่ลดลง แต่ Tesla ก็ยังคงมียอดขายมากกว่า BYD ซึ่งขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ 300,114 คัน ในช่วงเวลาเดียวกัน

BYD สามารถแซงหน้าเทสลาในแง่ของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่ส่งมอบได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว โดย BYD ขายได้ 526,409 คัน แซงหน้าเทสลาที่ขายได้ 484,507 คัน ในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม

อย่างไรก็ตาม ยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ในไตรมาสแรกของปี 2567 ลดลง 43% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ทาง BYD ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงสาเหตุที่แน่ชัดของยอดส่งมอบที่ลดลง

2 ค่ายยักษ์เจอวิกฤติตลาดอีวีชะลอตัว

ทั้ง Tesla และ BYD กำลังเผชิญกับความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ชะลอตัวลง รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดจีน เนื่องจากคู่แข่งต่างลดราคารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นยอดขาย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีนและการเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดอย่าง Xiaomi

ขณะที่ Tesla แถลงว่า การลดลงของยอดส่งมอบในไตรมาสนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงโรงงานใน Fremont, California การหยุดการผลิตอันเนื่องมาจากความขัดแย้งในทะเลแดง (Red Sea conflict)  และเหตุการณ์วางเพลิงที่ Gigafactory Berlin

หุ้น Tesla และ BYD กอดคอร่วง

"ไตรมาสนี้ย่ำแย่สำหรับมัสก์และเทสลา ราวกับรถไฟชนกำแพงอิฐ โดยเราคาดการณ์ว่ายอดขายในจีนลดลงอย่างน้อย 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า"

แดน ไอฟส์ กรรมการผู้จัดการของ Wedbush Securities กล่าว

ราคาหุ้นของเทสลดลงมากกว่า 5%  สวนทางยอดขายที่เพิ่มขึ้นจนทำให้เทสล่าขึ้นเป็นที่ 1 อีกครั้ง ในขณะที่ราคาหุ้น BYD ลดลงเพียง 0.5%

นักวิเคราะห์ลดคาดการณ์ยอดขาย’เทสลา’

นักวิเคราะห์กังวลยอดส่งมอบของเทสลา ร่วงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ยุคโควิด โดยในใกล้ช่วงปิดไตรมาส นักวิเคราะห์ต่างๆปรับลดประมาณการยอดส่งมอบรถยนต์ของเทสลาลงอย่างรวดเร็ว และบางบริษัทบนวอลล์สตรีทถึงขั้นเตรียมรับมือกับยอดขายของเทสลาที่อาจลดลงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาดใหญ่

นักวิเคราะห์ที่ทาง Bloomberg สำรวจความเห็นได้คาดการณ์ว่า เทสลาน่าจะส่งมอบรถยนต์ได้ประมาณ 449,080 คันในไตรมาสนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่า ลดลงมากกว่า 7% เมื่อเทียบกับสถิติการส่งมอบรถยนต์สูงสุดของบริษัทในไตรมาส 4  ซึ่งโดยปกติแล้ว ไตรมาส 4 มักจะเป็นช่วงเวลาที่ยอดขายดีที่สุดของปี

เนื่องจากรถยนต์รุ่นใหม่ของ ยังไม่ออกจำหน่าย นักวิเคราะห์บางคนกังวลว่าเป้าหมายการเติบโตของเทสลาที่ "ลดลงอย่างเห็นได้ชัด" ในปีนี้อาจกลายเป็นยอดขายที่ไม่มีการเติบโตเลยในไตรมาสแรก

เอ็มมานูเอล รอสเนอร์ จากธนาคารดอยเช บันด์ ปรับลดประมาณการการส่งมอบรถยนต์ของเทสลาลงสองครั้งภายในระยะเวลาเพียงสองสัปดาห์เศษเมื่อเดือนที่แล้ว 

ส่วนแบ่งตลาด Tesla ในจีนหดตัว

Tesla ทวงบัลลังก์! ขึ้นเบอร์ 1 แซง BYD แต่ข่าวร้ายคือยอดขาย \'หดตัวแรง\'

Tesla กำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในจีนซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก  โดยส่วนแบ่งการตลาดของ Tesla ในจีนลดลงจาก 10.5% ในไตรมาสแรกของปี 2566 เหลือเพียง 6.7% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566

ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ Tesla เสียส่วนแบ่งการตลาดในจีน  เพราะการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศจีน เช่น BYD, Xpeng และ Nio กำลังพัฒนารถยนต์ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยและราคาไม่แพง

อ้างอิง nikkei bloomberg