ลัมโบร์กินี มุ่ง ไฮบริด ไฟฟ้า น้ำมันสังเคราะห์ ส่ง Urus SE เจาะไทย 24.98 ล้าน
ลัมโบร์กินี สร้างสถิติยอดขายทั่วโลกในปี 2566 ที่ผ่านมา พร้อมเปิดเผยทิศทางในอนาคต มุ่งสู่พลังงานใหม่ แต่ไม่ทิ้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน พร้อมเปิดตัว อูรุส เอสอี (Urus SE) ในไทยตลาดใหญ่อันดับ 7 เอเชีย แปซิฟิก อย่างเป็นทางการ หลังเผยโฉมครั้งแรกงาน ปักกิ่ง ออโต้ โชว์
ฟราสเชสโก้ สกาดาโอนิ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี เปิดเผยว่าปี 2565 ที่ผ่านมา ลัมโบร์กินีประสบความสำเร็จในตลาดโลกโดยสามารถสร้างยอดจำหน่ายได้ทะลุ 1 หมื่นคันเป็นครั้งแรก โดยมาจากการเติบโตในหลายภูมิภาค รวมถึงเอเชีย แปซิฟิกที่เป็นตลาดศักยภาพ โดยเติบโต 4% ด้วยยอดขาย 2,660 คัน
โดยภูมิภาคนี้ ตลาดใหญ่สุด จีน อันดับ 2 ญี่ปุ่นที่มียอดขายไม่ต่างกันมากนัก ตามมาด้วย เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย, ไต้หวัน, อินเดีย และไทย อยู่ในอันดับที่ 7
โดยอินเดียถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ขยายตัวชัดเจนมียอดขายระดับสูงกว่า 100 คัน ขณะที่เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย และไทย สามารถรักษาศักยภาพทางการตลาดได้ดี
ส่วนปีนี้ยังประเมินสถานการณ์ได้ยาก ต้องใช้เวลาอีกสักระยะ แต่หากมองในอนาคตระยาว มั่นใจว่า ลัมโบร์กินีจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาหลักๆ 3 ด้านคือ สินค้าที่จะต้องตรงตามความต้องการลูกค้า ตัวแทนจำหน่ายที่จะต้องใส่ใจลูกค้า และกลยุทธ์การตลาดที่ถูกต้อง
ในด้านสินค้าที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ลัมโบร์กินีพัฒนารถขึ้นมาให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น การขยายเข้าสู่ตลาดเอสยูวีที่ได้รับการตอบรับที่ดี หรือ การขยายเข้าสู่พลังงงานใหม่อย่างปลั๊ก-อิน ไฮบริด
ล่าสุดเปิดตัว ลัมโบร์กินี อูรุส เอสอี (Lamborghini Urus SE) รถปลั๊ก-อิน ไฮบริดในงานปักกิ่ง ออโตโชว์ ที่ผ่านมา และวานนี้ (16 พ.ค.) รถรุ่นนี้ก็เข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการโดยบริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยมีราคาเริ่มต้น 24,980,000 บาท (รวม VAT) และคาดว่าจะเริ่มต้นส่งมอบให้กับลูกค้าชาวไทยได้ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 เป็นต้นไป
อูรุส เอสอี มาพร้อมเครื่องยนต์ วี 6 ขนาด 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 620 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 483 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 800 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 3.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 312 กม./ชม.
โดยมอเตอร์เป็นแบบ ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร ติดตั้งอยู่ในระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เป็นตัวช่วยบูสต์เครื่องยนต์ และยังเป็นตัวสร้างแรงฉุดได้อีกด้วย
อูรุส เอสอี ยังมีเทคโนโลยีใหม่ที่นำมาใช้ครั้งแรกคือ ระบบเวคเตอร์แรงบิดไฟฟ้าตามแนวยาว ติดตั้งไว้บริเวณกลางตัวรถ และคลัตช์อิเลกโตรไฮดรอลิกแบบมัลติเพลต ช่วยสร้างแรงบิดแปรผันระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังได้ต่อเนื่อง ทำหน้าที่ประสานการทำงานกับเฟืองท้ายไฟฟ้าบนเพลาหลัง
ระบบดังกล่าวจะช่วยกระจายแรงบิดเมื่อเบรก ทำให้สามารถควบคุมอาการ oversteer ได้แบบ “on demand” การออกแบบและปรับจูนการทำงานให้เหมาะสมกับการยึดเกาะถนนทุกรูปแบบและทุกรูปแบบการขับขี่
อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่าหลังจากลัมโบร์กินีเผยโฉมอูรุส เอสอี ในช่วงไม่ถึง 1 เดือนที่ผ่านมา รถรุ่นดังกล่าวก็พร้อมโชว์โฉมในไทย และมั่นใจว่ารถรุ่นนี้จะตอบสนองและได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
สกาดาโอนิกล่าวว่า สำหรับทิศทางของลัมโบร์กินีจากนี้ไป จะเน้นไปที่พลังงานใหม่มากขึ้น โดยช่วงครึ่งหลังปี 2568 จะเห็นการเคลื่อนไหวของพลังงานไฮบริดมากขึ้น จากนั้นปี 2571 จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี รุ่นแรกคือ ลานซาดอร์ (Lanzador)
นอกจากนี้บริษัทก็จะมุ่งพัฒนาพลังงานอย่างน้ำมันสังเคราะห์ หรือ Synthetic Fuel เพื่อนำมาใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ในอนาคต ซึ่งเชื้อเพลิงดังกล่าวจะเป็นเชื้อเพลิงสะอาดที่ลดมลพิษจากการเผาไหม้