จับทิศตลาดรถมือสอง “สต๊อกลด - ราคาขึ้น” ? 

จับทิศตลาดรถมือสอง “สต๊อกลด - ราคาขึ้น” ? 

รถมือสองเป็นตลาดใหญ่ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค โดยช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2566 สถานการณ์ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม ล่าสุดผู้ประกอบการมองว่าปัญหาหลายๆ อย่างคลี่คลาย แต่จะเกิดสถานการณ์ใหม่คือ ราคาปรับขึ้น ปริมาณรถลดลง 

ตลาดรถยนต์นอกจากจะอยู่ในภาวะถดถอย ยังอยู่ในสถานการณ์ผันผวน จากหลายเหตุการณ์ ทั้งการแข่งขันที่รุนแรง การเข้ามารุกตลาดของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) จากจีน สงครามราคาที่ส่งผลกระทบต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ป้ายแดง หรือรถมือสอง 

รวมถึงปัญหาความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน จากการขยายตัวของปัญหาหนี้เสีย

และสำหรับตลาดรถมือสอง สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ตั้งแต่ช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา คือ การมีภาวะสต๊อกล้น จากทั้งการที่ตลาดหดตัว ปริมาณรถยึดที่เพิ่มขึ้น และราคาที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันในตลาดรถใหม่ป้ายแดงที่ปรับราคาลดลง  และปริมาณรถยนต์ที่เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก จนเกิดภาวะสต๊อกล้นดังกล่าว 

อย่างไรก็ตามล่าสุด จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการ นำโดยนายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว “วิชัย  สุวรรณศิลา” ร่วมกับผู้ประกอบการอีกหลายราย ไม่ว่าจะเป็น DDS คาร์เซ็นเตอร์, โยรัชดา, ดา ศรีนครินทร​์, รถเศรษฐี Sethi Premium Used Car และ CarDeeSureOK มีมุมมองที่น่าสนใจ

โดยมุมมองของผู้ประกอบการ ค่อนข้างมั่นใจว่าสถานการณ์ตลาดรถยนต์มือสองจะปรับตัวดีขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจที่เชื่อว่าจะเริ่มดีขึ้น รวมถึงการปรับตัวของสถาบันการเงิน หลังจากการแก้ปัญหาเรื่องหนี้เสียในช่วงก่อนหน้านี้ 

“สถาบันการเงินเริ่มปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เร่งช่วยลูกหนี้ในการปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้คุณภาพสินเชื่อปรับตัวดีขึ้น และลดโอกาสหนี้เสียให้น้อยลง จากการได้รับการคัดกรองตั้งแต่แรก”

ขณะที่โครงสร้างราคารถยนต์มือสองที่ปรับตัวลดลงตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เข้ามากระตุ้นตลาด เนื่องจากลูกค้าบางส่วนเห็นว่าน่าจะเป็นระดับราคา ที่ต่ำสุดในช่วงนี้ บวกกับการมีรถในตลาดที่มีระยะทางการใช้งานไม่มากให้เลือกที่หลากหลาย 

และเมื่อรวมกับการคาดการณ์ตลาดจะปรับราคาขึ้นหลังจากนี้ ก็เป็นตัวเร่งให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อรถมือสอง โดยเฉพาะผู้ที่มีความพร้อมในการซื้อเงินสด เพราะไ่ม่ต้องไปผ่านกระบวนการจัดไฟแนนซ์กับสถาบันการเงิน 

อย่างไรก็ตามหลายคนมีความสงสัยว่าทำไมทิศทางราคารถมือสองจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งตลาดที่ก่อนหน้านี้พบว่ามีรถยนต์ไหลเข้ามาจำนวนมาก ทำให้มีสต๊อกรถใช้แล้วจำนวนมาก และบางรุ่นก็ไม่ได้รับความนิยมจากลูกค้า

เรื่องนี้กลุ่มผู้ประกอบการให้เหตุผลที่สอดคล้องในทางเดียวกันว่า ช่วงที่ผ่านมา ผู้ประกอบการหลายรายมีปัญหาเรื่องการสต๊อกล้นจริง แต่แนวทางจัดการของตลาดมือสองต่างจากดีลเลอร์รถใหม่ป้ายแดงที่ต้องรอนโยบายจากบริษัทแม่ แต่มือสองดำเนินการด้วยตัวเองได้ทันที ซึ่งแนวทางหนึ่งที่นำมาใช้กันก็คือ เรื่องของ ราคา

“ถ้าเห็นว่ารถคันไหนไม่เดิน เราก็พร้อมหั่นราคาลง อาจจะเสมอตัว หรือขาดทุนก็ไม่เป็นไร แต่ทำให้สต๊อกสมดุล เงินไม่จม จากนั้นก็หารถใหม่ที่มีศักยภาพเข้าเต็นท์แทน ซึ่งตอนนี้ปัญหาสต๊อกของผู้ประกอบการแทบจะไม่มีแล้ว”

เมื่อสต๊อกเริ่มน้อยลง บวกกับการที่มองว่าหลังจากนี้ไป รถที่จะเข้าสู่ตลาดลดลง เพราะการยึดรถน้อยลง ทั้งการปรับโครงสร้างหนี้ และการยึดมาแล้วจำนวนมากก่อนหน้านี้

ขณะที่รถมือสองที่เข้าสู่ตลาดแบบปกติคือ กลุ่มลูกค้าที่ขายรถคันเก่าเพื่อซื้อรถคันใหม่ จะเป็นกลุ่มที่มีจำนวนลดลงชัดเจน ซึ่งเป็นผลที่วนมาจากการมีปัญหารถยึดจำนวนมากก่อนหน้า และการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดนำไปสู่การเกิดสงครามราคา และส่งผลให้ตลาดมือสองราคาลดลงตามไปด้วย 

ดังนั้นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนรถใหม่ จึงตัดสินใจเลื่อนออกไป ยอมใช้รถคันเดิม เพราะขายไม่ได้ราคา

“ตัวอย่างเช่น เดิมเคยขายได้ 3.5 แสนบาท ลงมาเหลือ 2 แสนบาท ดังนั้นจึงยอมใช้รถคันเดิมต่อไป และทำให้แนวโน้มรถที่จะเข้าสู่ตลาดลดลง” 

นั่นก็เป็นมุมมองต่อตลาดรถยนต์มือสองของผู้ประกอบการ ที่จะต้องตามดูกันว่าท้ายที่สุดแล้วทิศทางจะเป็นอย่างไร สถานการณ์จะดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน และจะมีผลต่อเนื่องไปยังตลาดรถใหม่ป้ายแดงที่กำลังซบเซาอย่างรุนแรงได้มากน้อยเพียงใด 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์