เมอร์เซเดส-เบนซ์ ‘E350 e AMG Dynamic’ แรงติดเท้า ช่วงล่างนุ่ม-หนึบ 

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ‘E350 e AMG Dynamic’ แรงติดเท้า ช่วงล่างนุ่ม-หนึบ 

เป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจสำหรับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส โฉมใหม่ รหัส W214 ที่หากเทียบกับรุ่นเดิม W213 มันเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี และภาษาการออกแบบ

KEY

POINTS



 

โดยการออกแบบ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส โฉมใหม่ รหัส W214 เน้นความเรียบหรูมากขึ้น เส้นสายต่างๆ รอบคันลดลง เน้นความโค้งมนมากขึ้น ลดรอยต่อในส่วนต่างๆ รวมถึงรอยต่อระหว่างตัวถังรถกับโครงสร้างอื่นๆ เช่น โคมไฟ ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย หรือว่าบรรดากระจังหน้า กันชน

จะว่าไปก็ได้กลิ่นอายที่กลมกลืนกับ ซี-คลาส โฉมใหม่ ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า และ อีคิวเอส เรือธงฝั่ง อีวี  ซึ่งรวมถึงมือจับเปิดประตู ที่เหมือนกับ อีคิวเอส ที่ซ่อนเข้าไปในประตูแบบเรียบเนียนเป็นระนาบเดียวกัน และจะยื่นออกมา เมื่อเดินเข้าใกล้โดยมีกุญแจติดตัวไว้หรือการสัมผัสเบาๆ

อี-คลาส ใหม่ มีขนาดตัวถังยาว 4,949 มม. กว้าง 1,880 มม. สูง 1,471 มม. ซึ่งหากเทียบกับ W 213 มันเพิ่มขึ้นในทุกมิติ โดยความยาวเดิ่ม 14 มม. ความกว้างเพิ่ม 28 มม. ความสูงเพิ่ม 4 มม. และที่สำคัญคือระยะฐานล้อ 2,961 มม. เพิ่มขึ้น 22 มม. มีผลต่อพื้นที่ห้องโดยสาร 

 

 

 

 

 

อีกสิ่งหนึ่งในแง่ขอตัวถังที่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนคือพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายของปลั๊ก-อิน ไฮบริด เจเนอเรชั่น 4 ที่มีความจุ 370 ลิตร เท่ากับเจนเนอเรชั่น 3 แต่มุมมองจะดูพรีเมียมมากกว่า เพราะพื้นเรียบ ต่างจากเดิมที่เป็นแบบขั้นบันได ด้วยการเจาะหลุมลงไปเพื่อเพิ่มพื้นที่ แต่ด้วยการออกแบบ การจัดวางแบตเตอรีใหม่ ทำให้สามารถเก็บงานได้เรียบร้อย โดยไม่เสียพื้นที่ไป 

อี-คลาส ใหม่ มาพร้อมกับไฟฟหน้าแบบ ดิจิทัล ไลท์ ที่มีทั้งความฉลาดในการส่องลำแสงไปยังพื้นที่ที่ควรส่องเพื่อไม่ให้รบกวนผู้อื่น และระยะทางที่ไกล เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่กลางคืน 

ไฟท้าย แอลอีดี ออกแบบให้เป็นรูปดาวสามแฉก สัญลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ 

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับลูกเล่นดิจิทัลเต็มที่ โดยเฉพาะ MBUX Superscreen ที่น่าจะดึงดูดลูกค้าหลายคนที่ชื่นชอบด้านนี้ แบ่งเป็นจอสำหรับผู้ขับคามละเอียดสูง ขนาด 12.3 นิ้ว  


                                       

จอกลางขนาดใหญ่ 14.4 นิ้ว  และจอฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าขนาด 12.3 นิ้ว เพื่อควบคุมหรือเลือกอะไรแทนผู้ขับได้ และก็มีลูกเล่นให้เลือกมากมาย ทั้งที่มีอยู่แล้ว หรือจะเพิ่มแอปฯ เข้าไปด้วยตัวเองก็ได้ 

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ‘E350 e AMG Dynamic’ แรงติดเท้า ช่วงล่างนุ่ม-หนึบ 

ความสามารถของ MBUX เพิ่มขึ้น เรียนรู้ว่าใครกำลังใช้งานทำให้การปรับค่าต่างๆ เหมาะสมกับคนนั้นๆ 

เครื่องเสียงระบบ เบอร์เมสเตอร์ 4D  และระบบ Dolby Atmos ที่ให้มิติเสียงที่ลุ่มลึกเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ลำโพงใส่มมา 17 ตัว ส่วน 4D ที่ว่าคือการติดตั้งลำโพงที่เบาะคู่หน้าเบาะละ 2 ตัว เพื่อสร้างแรงสั่นสะเทือนกับเสียงเบส เพราะเมอร์เซเดส-เบนซ์ บอกว่าแทนที่จะให้มันเกิดแรงสั่นทั้งคันตามปกติของระบบเสียงเบสทั่วไป ก็เปลี่ยนมาเป็นสั่นที่เบาะแทนไม่ต้องไปรบกวนตัวถัง 

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ‘E350 e AMG Dynamic’ แรงติดเท้า ช่วงล่างนุ่ม-หนึบ 

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ‘E350 e AMG Dynamic’ แรงติดเท้า ช่วงล่างนุ่ม-หนึบ 

นอกจากนี้ก็ยังมีระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Noise compensation (VNC) เพื่อให้คุณภาพเสียงดีขึ้นอีกด้วย 

ส่วนระบบหรืออุปกรณ์ด้านการขับขี่ ความปลอดภัยที่ติดตั้งมาเช่น ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้างเบาะคู่หน้า ถุงลมาระหว่างเบาะคู่หน้า ม่านถุงลม 4 ตำแหน่งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และถุงลมป้องกันหัวเข่าผู้ขับโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP ระบบเบรก อแดพทีฟ เบรก

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ‘E350 e AMG Dynamic’ แรงติดเท้า ช่วงล่างนุ่ม-หนึบ 

ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้า  ระบบเตือนจุดอับสายตา ระบบตัดการทํางานของถุงลมผู้โดยสารด้านหน้าอัตโนมัติ ระบบแสดงสถานะลมยาง ระบบสร้างเสียงจําลองเตือนผู้ร่วมใช้ถนน ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ กล้องรอบทิศทาง ระบบช่วยการนํารถเข้าจอดอัตโนมัติ เป็นต้น

อี-คลาส ที่ทำตลาดในไทยมให้เลือกทั้งขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล และปลั๊ก-อิน ไฮบริด ซึ่งวันนี้ผมอยู่กับลูกผสม E350e AMG Dynamic ครับ

เครื่องยนต์       

กำลังสูงสุด 204  แรงม้า             

แรงบิดสูงสุด 320  นิวตันเมตร

มอเตอร์ 

กำลังสูงสุด 129 แรงม้า

แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร

รวม 

กำลังสูงสุด 313 แรงม้า     

แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร

  • 0-100 กม./ชม.                         6.5 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด                          234 กม./ชม.
  • ความเร็วสูงสุด (โหมดไฟฟ้า)     140 กม./ชม.
  • ความจุแบตเตอรี                       25.4 kWh
  • ระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าสูงสุด    97-115 กม. (WLTP)

 

ปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นนี้เป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 ที่พัฒนาขึ้นจากเดิมอย่างชัดเจนทั้งเรื่องของสมรรถนะและระยะทางการใช้งาน ด้วยแบตเตอรีลิเธียมไอออนความจุ 25.4 kWh ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็มที่แล้วก็สามารถขับขี่ด้วยโหมด อีวี ได้ระยะทางสูงสุด 97-115 กม. ตามมาตรฐาน WLTP

ถือว่าเป็นระยะทางที่ทำให้การใช้งานในชuวิตประจำวันส่วนใหญ่ของหลายคน เครื่องยนต์คงจะไม่ต้องทำงานเลย หรือหากเดินทางไกล แล้วขยันหาที่ชาร์จหรือมีจังหวะพอดี เช่น พักทานข้าว ดื่มกาแฟ ก็สามารถเพิ่มระยะทางใช้งานด้วยโหมดอีวีได้ต่อเนื่อง เพราะมันรองรับการชาร์จเร็ว หรือ DC Charge 55 kW ชาร์จจาก 0-100% ประมาณ 30 นาที

ส่วนถ้าอยู่บ้านก็ชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kW ชาร์จจาก 0-100% 2 ชม.ครึ่ง

ส่วนการใช้งานใช้ได้จริงไหม ใช้ได้จริงครับ จากการลองขับไป-กลับระยอง ผมเลือกโหมด EL ขับจากกรุงเทพฯ ออกมเตอร์เวย์ไปจนถึงแถวๆ สนามพีระ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จึงได้เห็นวัดรอบเครื่องยนต์กวาดขึ้นมา

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ‘E350 e AMG Dynamic’ แรงติดเท้า ช่วงล่างนุ่ม-หนึบ 

โดยก่อนหน้านั้นมันอยู่ในโหมดไฟฟ้ามาตลอด เพราะความเร็วสูงสุดที่โหมดนี้ทำได้คือ 140 กม./ชม. ดังนั้นหากขับโดยใช้ความเร็วไม่เกิดนกฎหมายกำหนด หรือ เกินบ้างในบางจังหวะที่เร่งแซงมันก็ยังคงอยู่ใหมดอีวีตลอดเวลา 

และเมื่อแบตเตอรีลดลงถึงระดับที่เครื่องยนต์เริ่มทำงานเข้าสู่โหมดไฮบริด ระบบก็จะพยายามใช้ไฟฟ้าเป็นหลักถ้าหากว่ามีเพียงพอ เพื่อเพิ่มความประหยัด 

ส่วนการชาร์จกลับในจังหวะเบรก หรือ ถอนคันเร่ง ก็เลือกได้ครับด้วยแป้นที่พวงมาลัย จะเอาแบบเบาๆ หรือ หนักๆ ก็ตามแต่ความชอบ ส่วนผมนั้นชอบแบบกลางๆ เพราะได้ฟีลลิ่งเหมือนกับการขับรถที่ใช้น้ำมันทั่วไป 

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ‘E350 e AMG Dynamic’ แรงติดเท้า ช่วงล่างนุ่ม-หนึบ 

จุดเด่นของระบบไฮบริดคือ การเชื่อมต่อระหว่างมอเตอร์กับเครื่องยนต์ที่เรียบเนียน ลื่นไหล และช่วงการขับขี่การไล่ความเร็ว การปรับเปลี่ยนความเร็ว หรือ จังหวะการเรียกกำลังเพื่อเร่งแซงในทุกย่านความเร็วที่แบบเหลือๆ ไม่ต้องเค้นกำลังช่วยให้มีความคล่องตัวในการขับขี่ ไม่ว่าจะการเดินทางไกลหรือผจญภัยกับการจราจรในเมือง

ช่วงล่าง อี-คลาส เซ็ทออกมาได้น่าสนใจมันรองรับกับสภาพถนนเมืองไทยได้ดี เพราะสามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนในเส้นทางที่ขรุขระ เป็นหลุ่ม เป็นร่อง ยุบ ปูด ซึ่งหาได้ทั่วไป ไม่เน้นแม้แต่มอเตอร์เวย์ ช่วยให้นั่งได้สบาย

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ‘E350 e AMG Dynamic’ แรงติดเท้า ช่วงล่างนุ่ม-หนึบ 

และที่สำคัญคือไม่ทำให้อาการถเปลี่ยนไป เช่น พื้นผิวที่เป็นหลุมเป็นร่องตามแนวยาว ซึ่งน่าจะเกิดจากน้ำหนักรถบรรทุก (ที่คงจะบรรทุกเกิน) ที่กดทับลงไป แต่มันก็ไม่ดึงให้รถเป๋ไปตามแนวร่อง 

และเมื่อขับขี่ด้วยอารมณ์สปอร์ต ใช้ความเร็วหน้ารถมีความแม่นยำกับเส้นทางสูง จิกโค้งได้แม่นและหนึบไม่ออกอาการดื่้อหรือดิ้น แม้หลายช่วงที่เดินทางจะต้องฝ่าสายฝนก็ตาม 

หรือช่วงขึ้นลงสะพานที่คอสะพานแปลกๆ ทั้งขึ้นทั้งลง แบบไม่น่าเชื่อว่านี่คือการออกแบบทางด่วนระหว่างเมือง แบบขึ้นก็แทบจะโดดขึ้น ลงก็เหมือนจะลอยลงมาถ้าขับแบบไม่ผ่อนคันเร่ง

แต่ก็ทำให้ได้เห็นจุดเด่นอีกอย่างคือจังหวะรีบาวนด์น้อย รถลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลก เมื่อน้ำหนักรถกดลงบนถนนเต็มที่ก็จะสะท้อนกลับขึ้นบนเล็กน้อย 1 จังหวะ และก็เข้าที่เข้าทาง ทำให้รู้ว่าไปต่อได้เลย ไม่ต้องพะวงเหมือนกับรถที่มีจังหวะเด้งขึ้นลงหลายครั้ง 

และในเส้นทางเล็กๆ ย่านระยองที่เป็นทางโค้งไปมา ก็ช่วยยืนยันถึงความคล่องตัว และความแม่นยำในการใช้พวงมาลัย และจุดเด่นอีกอย่างของช่วงล่างคือ จังหวะเบรกหนักๆ รถนิ่ง และอาการหน้ายุบท้ายยกมีน้อยมาก ช่วยให้คนขับมีสมาธิกับรถและเส้นทางได้ดีครับ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ‘E350 e AMG Dynamic’ แรงติดเท้า ช่วงล่างนุ่ม-หนึบ 

โดยรวมสำหรับ E350e AMG Dynamic เป็นรถที่น่าใช้ เป็นการชงผสมแบบกลมกล่อม ทั้งมุมมอง หรือ สมรรถนะที่ได้ทั้งความพรีเมี่ยม และสปอร์ต สบายกับสนุก ขณะที่ขนาดตัวถังและห้องโดยสารก็กำลังดีรองรับทั้งการใช้งานส่วนตัว หรือ ครอบครัวครับ