ขับดุๆ BMW 'M' แรงเหลือ บาลานซ์รองรับลุยแทรค คมในโค้ง
M เป็นรหัสรถสมรรถนะสูงของที่แฟนๆ บีเอ็มดับเบิลยูอยากครอบครอง ซึ่งก็เชื่อว่าใครที่มีกำลังซื้อเพียงพอก็พร้อมที่จะแลกกับอารมณ์ที่หาไม่ได้ในรถรุ่นทั่วๆ ไป ไม่เฉพาะเรื่องของความแรงแบบที่อาจสามารถหาได้จากสำนักแต่งซิ่ง แต่มันมีความบาลานซ์ในสมรรถนะหลายๆ ด้าน
ไม่กี่วันที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เชื้อเชิญให้ไปสัมผัสอารมณ์ตระกูล M รวม 3 รุ่น ทั้งเจ้าตัวเล็กอย่าง "ฺBMW M2" และตัวแรงที่น่าจะพอตั้งแต่ M3 แต่บีเอ็มดับเบิลยู ไม่หยุด หรือเป็นเพราะแฟนๆ ไม่หยุดก็ไม่ทราบ ทำให้ต่อยอดไปยัง “M3 CS” และอีกรุ่น "M3 Competition M xDrive Touring" รถซ่อนรูป เพราะรูปทรงที่ดูไม่มีอะไร มันพร้อมที่จะคายพิษสงออกมาได้ตลอดเวลา
หรือจะเรียกกว่ารถชอบหมกก็ได้ คือ หมกไปกับรถทั่วไปแบบกลมกลืน
บีเอ็มดับเบิลยู M2 ค่าตัว 6,529,000 บาท เป็นราคาที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard เป็นรถที่แฟนๆ บีเอ็มดับเบิลยูหลายคนชื่นชอบ ทั้งจากสมรรถนะที่เหลือๆ 460 แรงม้า 550 นิวตันเมตร กับเรื่องของการเซ็ตแอโร่ ไดนามิค
เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง เกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 สปีด พร้อมระบบ Drivelogic โหมดการขับขี่ M Drive Professional ระบบเฟืองท้าย M Sport ช่วงล่าง Adaptive M Suspension ล้ออัลลอย M ลาย Double Spoke
ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา โคมไฟหน้าตกแต่งสีดำสไตล์ M โดยไฟหน้าเป็นแบบ Adaptive LED ปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ ชุดเบรก M Compound สีแดงเงา และหลังคา M Carbon
ภายในห้องโดยสาร ติดตั้งชุดไฟ Ambient light หลังคาภายในแบบ M Headliner สีดำ Anthracite คอนโซลด้านบนบุด้วยหนังแบบ BMW Individual และตกแต่งภายในด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์หลายตำแหน่ง
พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ M เข็มขัดนิรภัย M และกาบบันไดดีไซน์ M แบบเรืองแสง จอแสดงข้อมูลสำหรับคนขับ BMW Curved Display แบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน จอ Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว เชื่อมต่อกับจอแสดงข้อมูลขนาด 12.3 นิ้ว
ระบบ BMW ConnectedDrive และ BMW Connected Package Professional เครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon
บีเอ็มดับเบิลยู M3 Competition M xDrive Touring ราคาเริ่มต้น 10,429,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard มาพร้อมล้อ M Forged และชุดเบรก M Compound Brake สีแดงเงา ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ ชุดตกแต่งภายนอก M Carbon ไฟหน้า BMW Laserlight โคมไฟหน้าตกแต่งสีดำ ภายนอกตกแต่งด้วยชุดแต่ง M สีดำเงา ราวหลังคาสีดำเงา หลังคาและฝาครอบกระจกมองข้างสีดำ
ภายในตกแหน่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ กระจกมองข้างฝั่งคนขับและกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ เข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M เบาะนั่ง M Carbon ทรง bucket seats โดยเบาะนั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่งฝั่งคนขับ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 3 โซน หลังคาภายในดีไซน์ M สี Anthracite พวงมาลัย M
โหมดการขับขี่ M Drive Professional ระบบเฟืองท้าย M Sport ช่วงล่าง Adaptive M Suspension รวมถึงระบบช่วยการขับขี่ รุ่น Professional และระบบนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus
ระบบ BMW ConnectedDrive, BMW Connected Package Professional ระบบเชื่อมต่อ Smartphone และเครื่่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon
บีเอ็มดับเบิลยู M3 CS ราคาเริ่มต้น 14,999,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard ที่เครื่องยนต์ให้สมรรถนะสูงสุดในกลุ่มที่ลองขับกันวันนี้ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ M Steptronic พร้อม Drivelogic
ชุดเบรก M Compound Brake สีแดงเงา และมีอุปกรณ์เสริมให้ลูกค้าเลือกได้ คือ เบรกเซรามิก M Carbon Carbon Ceramic Brake สีทองด้าน ล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ลาย Star Spoke Style 827 M ในสีบรอนซ์ทองหรือสีดำ และยางสำหรับสนามแข่ง
ใช้ชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์หลายจุดทั้งภายนอกและภายในเพื่อให้รถมีน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นหลังคา ฝากระโปรงหน้า แผ่นปิดด้านล่างกันชนหน้า ช่องดักอากาศด้านหน้า ฝาครอบกระจกข้าง แผ่นปิดใต้กันชนหลัง และสปอยเลอร์หลัง
รวมถึงชิ้นส่วนภายในเช่น คอนโซลกลาง แป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย เส้นสายการตกแต่ง
ภายใน รวมถึงเบาะนั่ง M Carbon ทรง bucket seat ที่มีส่วนช่วยลดน้ำหนัก
ขณะที่หม้อพักไอเสียผลิตจากไทเทเนียม ทำให้ระบบไอเสียมีน้ำหนักเบาลง 4 กิโลกรัม
ด้านความแข็งแกร่งเพื่อรองรบสมรรถนะที่สูง เช่น การเสริมแกนยึดระหว่างระบบกันสะเทือนที่ล้อคู่หน้า (M Front End Strut Brace)
M3 CS ออกแบบให้มีเอกลักษณ์ของรุ่น กระจังหน้าทรงไตคู่น้ำหนักเบาแบบไร้กรอบ ให้อารมณ์รถแข่งในอดีต เส้นสายสีแดงล้อมรอบกระจังหน้าทั้งคู่ ติดตั้งป้ายสลักชื่อรุ่น M3 CS ที่ซี่บกระจังหน้า และบริเวณท้ายรถ
ไฟหน้า BMW Laserlight ส่องสว่างเป็นสีเหลืองต้อนรับผู้ขับขี่เมื่อปลดล็อกรถ หรือขณะเปิดไฟต่ำและไฟสูง เป็นการสืบทอดกลิ่นอายจากรถแข่ง GT
ภายในห้องโดยสาร เบาะนั่ง M Carbon ทรง bucket seat จากหนัง Merino สีดำตัดแดง พร้อมลวดลายการเย็บแบบพิเศษ แผงประตูหน้าและหลังบุด้วยหนังสีดำ แผงคอนโซลกลางคาร์บอนไฟเบอร์ตกแต่งด้วยตัวอักษร CS สีแดง
เข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M ปักสัญลักษณ์ 3 สีของ BMW M กาบประตูสลักM3 CS หลังคาภายในดีไซน์ M สี Anthracite พวงมาลัยหุ้ม Alcantara ดีไซน์ M แป้นเปลี่ยนเกียร์คาร์บอนไฟเบอร์ และแถบสีแดงบริเวณกึ่งกลางพวงมาลัย
M3 CS มาพร้อมระบบ BMW iDrive รุ่นใหม่ และระบบปฎิบัติการ BMW Operating System 8 แสดงผลบนจอ Curved Display ประกอบด้วยจอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้ว และจอ Control Display 14.9 นิ้ว
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน เครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon เซ็นเซอร์ควบคุมระยะการจอด Park Distance Control (PDC) และระบบแจ้งเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Warning)
การขับครั้งนี้ขับกันในสนามเก่าแก่ แต่โด่งดัง อย่างพีระ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต เป็นสนามที่มีเสน่ห์ ความยาวต่อรอบไม่มากนัก แต่ก็มีหลายจุดให้สนุก ไม่ว่าจะเป็นโค้งแคบๆ โค้งเอส 1 เอส 2 ที่ต่อเนื่องกัน หรือโค้งกว้างๆ ต่อเนื่องโค้งลงเขาต่อเนื่องไปโค้งไออาร์ซี
เสน่ห์อีกอย่างคือ ไม่เปิดโอกาสให้พลาดมากนัก เพราะมีโอากาสที่รถจะถึงกำแพงหรือกองยางได้ง่ายๆ
ดังนั้นการที่ใช้เสน่ห์ได้อย่างปลอดภัยก็ต้องอยู่ที่ผู้ขับและตัวรถแหละครับ
แต่สำหรับการขับทั้ง 3 คัน แบบเต็มรอบ คันละหลายรอบ แบบไม่มีอะไรมาขวางแทรค ยกเว้นรถอินสตรัคเตอร์ที่เป็นนักแข่งฝีมือดีขับเป็นคันนำเท่านั้น
ทุกอย่างเรียบร้อยปลอดภัยดี และได้รีดสมรรถนะของรถได้หลายแบบ ทั้งสมรรถนะเครื่องยนต์ เบรก หรือการควบคุมรถ (Handling)
ทุกคันแม่นกับแทรคกับโค้ง อารมณ์ต่างกันไปบ้าง ทัวริ่ง เข้าออกโค้งได้นิ่ง สุขุม รถเคลื่อนที่ไปทั้งคัน ขับแล้วสบายใจ
แต่ CS ให้ความรู้สึกขึ้นไปอีกระดับ หน้ามันคมกว่าแบบเห็นได้ชัด หมายถึงว่าในโค้งเดียวกัน มันจะสามารถใช้ความเร็วได้สูงกว่า และให้อารมณ์ที่สปอร์ตมากกว่า
ขณะที่ M2 เป็นเด็กรักสนุก ซุกซน เข้าออกโค้งได้รวดเร็ว ปราดเปรียว แต่อาจจะวอกแวกบ้างถ้าหากใช้งานเกินกำลัง ก็สนุกไปอีกแบบในการให้แก้อาการกันเล็กๆ น้อยๆ หากเผลอเข้าโค้งด้วยความเร็วมากเกินไป หรือ เกิดนึกสนุกกดคันเร่งแรงเกินไประหว่างยังอยู่ในช่วงการเข้าโค้ง หรือจังหวะส่งออกจากโค้งขณะที่ล้อยังไม่ตั้งตรงดีนัก
ช่วงล่างของทุกตัว เซ็ทมาให้ขับได้สนุก เมื่อเข้าสู่ทางตรงที่ระยะทางไม่ยาวนัก พร้อมกับกดคันเร่งเต็มที่จนอยู่ที่ราวๆ 190 กม./ชม. (เท่าที่สายตาและเหลือบไปมองแบบเสี้ยววินาที) เมื่อถึงจุดที่ต้องเบรถ รถนิ่ง คุมง่ายๆ ส่วนโค้งทั้งโค้งแคบๆ ที่ต้องเลี้ยวแบบรวดเร็ว
หรือโค้งกว้างๆ ที่สามารถใช้ความเร็วได้สูง ก็เห็นได้ชัดว่าแม้รถจะอยู่ในช่วงการสู้กับแรงจี แต่การเอียงตัว หรือ การโยนตัวของตัวถังมีน้อย นั่นช่วยให้การควบคุมทำได้ง่าย และผู้ขับไม่หลงอาการรถ รู้ว่าจะออกจากโค้งอย่างไร และจากนัั้นหักหัวรถไปทางไหนต่อ
ส่วนอัตราเร่งตามตารางข้อมูลก็เห็นได้ว่าร้อนแรงทุกรุ่น ส่วนหนึ่งมาจากการที่เครื่องยนต์มีสมรรถนะสูง แต่น้ำหนักรถค่อนข้างเบา ดังนั้นม้า 1 ตัว ทำหน้าที่การลากรถไม่กี่กิโลกรัมเท่านั้น
ขณะที่การกระจายกำลังไปยังล้อขับเคลื่อนก็ทำได้แม่นยำ เห็นได้จากจังหวะการเหยียบคันเร่งแบบกระทืบทันทีทันใด รถก็ยังมีการทรงตัวที่ดี ไม่ร่อนไม่ปัด หรือมีเสียงล้อปั่นฟรีกับถนนให้ได้ยิน
จังหวะเบรกก็แม่นยำดีครับ เพราะการขับในสนามที่มีแรงส่งสูงจากความเร็วที่ใช้ เมื่อถึงจุดเบรกหลายจุด จำเป็นต้องเบรกหนักๆ รถก็ลดความเร็วมาได้ในระดับและระยะที่ต้องการ และรถนิ่ง จะมีบ้างก็คือโค้ง 1 หลังสิ้นสุดทางตรงที่ความเร็วสูงสุดค่อนข้างสูง นั่นหมายถึงต้องเบรกหนักมาก รถมีอาการดิ้นนิดหน่อยแบบพอมีจริต แต่ไม่สร้างปัญหาหรือความวิตกอะไรในการขับ
อีกอย่างก็คือจุดนี้ปลายทางตรงเป็นทางลงเนินเหมือนเนินซึม แต่การมาด้วยความเร็วระดับนั้น หมายความว่าแรงกดของล้อช่วงลงเนินจะน้อยกว่าการขับบนทางตรงทั่วไปครับ
ขณะที่ภายในห้องโดยสาร การออกแบบโครงสร้างภายในโดยรวมเป็นแบบฉบับของบีเอ็มดับเบิลยูอยู่แล้วคือให้ความสปอร์ต และมีความเป็นส่วนตัวจากการออกแบบเบาะ และบรรดาคอนโซลต่างๆ ตำแหน่งควบคุมอุปกรณ์และระบบต่างๆ ใช้งานสะดวก ง่าย และสำหรับตระกูล M เบาะนั่งออกบบให้สปอร์ตเพิ่มขึ้น โอบกระชับมากขึ้น ล็อคลำตัวมากขึ้น รองรับการขับขี่ที่ต้องใช้ความเร็ว การเปลี่ยนช่องทางหรือการเข้าออกโค้งได้ดีขึ้น
ส่วนการเลือกรูปแบบการขับขี่ก็เหมือนกับรถบีเอ็มดับเบิลยูทั่วไป ปุ่มอยู่ที่คอนโซลเกียร์ แต่ M ก็มีทางลัดด้วยทางเลือกให้กับโหมด "M1" และ "M2" เลือกง่ายๆ ด้วยปุ่มสีแดงโดดเด่นที่พวงมาลัยครับ
โดยรวมทุกคันขับได้สนุก ผ่านการใช้ความเร็วสนามพีระฯ มาได้ไม่ยาก และไม่ต้องลุ้น ก็ถือว่าสอบผ่าน ดังนั้นเลือกได้หมด จะเป็นตัวเล็กราคาแรงน้อยที่สุด ก็สนุกได้แล้ว หรือจะเลือกรถที่มีประโยชน์ใช้สอยจากโครงสร้างตัวถังอย่าง ทัวริ่ง หรือจะไปให้สุดกับ อารมณ์สปอร์ตและความดุดัน ก็จัด CS ไปเลยครับ