เรื่องของสี

เรื่องของสี

วันนี้ผมอยากจะเขียนเรื่องเบาๆ มาให้อ่านกัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับสีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถยนต์

ซึ่งหากผู้ใช้รถยนต์สังเกตให้ดีจะพบว่า สีกับรถยนต์นั้นจะช่วยให้เราใช้รถยนต์ได้ปลอดภัยขึ้น และช่วยให้ช่างสามารถหาจุดบกพร่องของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องไปลองผิดลองถูกหรือรื้อโน่นถอดนี่ จนความเสียหายลุกลามและค่าใช้จ่ายบานปลายไปเปล่าๆ

เรื่องตลกเกี่ยวกับสีในวงการรถยนต์ก็คือ เรามักจะเห็นว่ามีเจ้าของรถที่เอาสติกเกอร์แปะที่รถตัวเอง โดยบอกว่ารถของตัวเองเป็นสีนั้นสีนี้ ทั้งที่สีจริงๆ ของรถแตกต่างไปจากที่ติดสติกเกอร์บอกอย่างชัดเจน กรณีเช่นนี้มีคนบอกว่าเป็นเพราะเจ้าของรถเชื่อว่า สีของรถที่ตนเองใช้นั้น ไม่ถูกโฉลกกับดวงของเจ้าของรถ จึงทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ ต่างๆ เช่น เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จึงเอาสติกเกอร์ติดบอกว่ารถเป็นสีอื่น ที่คิดว่าดวงสมพงษ์เสริมกับชะตากับเจ้าของรถ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ทั้งแปลกและตลกมาก แต่ก็ยังเห็นมีคนเช่นนั้นอยู่เสมอมา

ส่วนเรื่องสีที่มีปัญหาอย่างจริงจังก็เช่น สีที่รถยนต์เป็นสีที่ประชาชนคนทั่วไปเรียกอย่างหนึ่ง แต่ภาษาทางราชการของกรมการขนส่งทางบกเรียกอีกอย่างหนึ่ง เช่น สีบรอนซ์เงิน และ สีบรอนซ์ทอง เป็นต้น คนทั่วไปจะรู้จักในชื่อดังกล่าว แต่ในสมุดทะเบียนประจำรถ มีการกำหนดเรียกเป็นอย่างอื่น ในกรณีอย่างนี้บางครั้งเจ้าของรถเองก็สับสน ซึ่งด้วยเทคโนโลยีของโลกทุกวันนี้ หากในสมุดทะเบียนก็ดี ในป้ายแสดงการชำระภาษีประจำปี ( ป้ายวงกลม ) ก็ดี ใช้สติกเกอร์สีที่ตรงกับสีรถจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสีดั้งเดิมจากโรงงาน หรือสีที่เจ้าของรถไปเปลี่ยนแปลงใหม่ก็ตาม ใช้แถบสีแปะติดไว้ทั้งที่สมุดทะเบียนและที่ป้ายแสดงการเสียภาษี อย่างนี้ก็จะไม่ต้องมาเถียงกันอีกต่อไป ว่าสีที่รถกับสีที่สมุดทะเบียนและป้ายเสียภาษีประจำปีตรงกันหรือต่างกัน

ทฤษฎีว่าด้วยความปลอดภัยจากการใช้รถบอกว่า การเลือกสีรถก็เป็นหลักเบื้องต้นของความปลอดภัย เช่น รถในเมืองหนาวที่มีหิมะตกเป็นประจำ ก็ไม่ควรเลือกรถสีขาวที่จะกลมกลืนไปกับหิมะได้ง่าย ทำให้รถที่แล่นสวนทาง หรือคนเดินถนนอาจจะมองเห็นรถสีขาวไม่ชัด จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือในประเทศไทยเราก็มีทฤษฎีที่ว่า ไม่ควรเลือกรถที่มีสีออกโทนสีทึบ เช่น สีดำ สีเทา สีเขียวแก่ เพราะจะกลืนไปกับสีฉากหลังเมื่อต้องขับในช่วงโพล้เพล้ หรือในช่วงที่ฝนตก แต่แน่นอนว่าเรื่องของสีเป็นความชอบและความเชื่อของแต่ละคน ผู้ผลิตรถยนต์จึงได้คิดไฟที่มีแสงสว่างติดขึ้นทุกครั้งที่ติดเครื่องยนต์ หรือที่รู้จักกันในนามของ เดย์ไทม์ รันนิ่งไลท์ เพื่อให้เพื่อนร่วมถนนมองเห็นรถได้ชัดเจนในทุกสภาพอากาศ ไม่ว่ารถคันนั้นจะมีสีอะไรก็ตาม

ปัญหาอย่างหนึ่งของคนใช้รถยนต์ก็คือ เมื่อพบว่ามีของเหลวหยดรั่วลงมาบริเวณที่รถจอดอยู่ แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าของเหลวที่รั่วลงมาบนพื้นนั้นคืออะไร มีความสำคัญต่อการใช้รถยนต์มากน้อยเพียงใด ความสงสัยอย่างนี้จะหมดไปได้หากเจ้าของรถเลือกใช้ของเหลวที่เติมในรถให้ต่างกันออกไป เช่นเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีสีเหลือง เลือกใช้น้ำมันเกียร์ที่มีสีแดง เลือกใช้น้ำมันเบรกที่มีสีฟ้า เลือกใช้น้ำมันเพาเวอร์ที่มีสีเขียว เลือกใช้น้ำเติมหม้อน้ำ หรือเลือกใช้คูลแลนท์ที่ผสมในหม้อน้ำแบบที่มีสีสัน

ในกรณีตัวอย่างที่ยกมานั้น หากสามารถทำได้แม้จะมีของเหลวบางอย่างมีสีซ้ำกันบ้าง แต่ก็จะทำให้ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับของเหลวที่รั่วมานั้นตีวงได้แคบลงมาก เพราะสามารถเดาจากสีของเหลวที่รั่วหยดลงบนพื้น และยิ่งหากไปบวกกับตำแหน่งของเหลวที่หยด เอาไปคาดเดากับตำแหน่งของอุปกรณ์บนรถ ที่อยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงกับรอยหยด ก็จะทำให้คาดเดาได้แม่นยำมากขึ้น

เรื่องของสีในรถยนต์ที่สำคัญแต่คนมักจะทำผิดกฎหมายเป็นประจำ นั่นคือเรื่องสีของดวงไฟในตำแหน่งต่างๆ เช่น ไฟเบรกและไฟท้ายรถ กฎหมายกำหนดให้เป็นไฟสีแดงเท่านั้น จึงห้ามเปลี่ยนเป็นไฟสีอื่น และไฟเบรกต้องห้ามทำเป็นไฟกะพริบ เพราะผิดกฎหมายเช่นกัน ส่วนไฟเลี้ยวท้ายก็ต้องเป็นไฟสีเหลืองอำพัน หรือสีแดงเท่านั้น เป็นไฟสีอื่นเช่นสีขาวหรือสีฟ้าไม่ได้ ส่วนไฟเลี้ยวหน้าก็ต้องเป็นสีเหลืองอำพันเท่านั้น เป็นสีแดงหรือสีอื่นๆไม่ได้เช่นกัน

คนที่ชอบไปเปลี่ยนไฟหน้าให้เป็นไฟสีฟ้า หรือชอบเอาไฟสีต่างๆ ไปติดใต้ท้องรถเพราะเห็นว่าสวยงาม เจ้าของรถเหล่านั้นบางคนอาจจะไม่รู้ว่านั่นคือการทำผิดกฎหมาย ถ้าไปเจอเจ้าหน้าที่ก็จะถูกจับกุมและต้องเสียค่าปรับ ทำให้เสียเงินไปเปล่าๆ เช่นกันกับที่เจ้าของรถยนต์หลายคันในปัจจุบันนี้ นิยมการนำรถไปติดสติกเกอร์สีหรือฟิล์มหุ้มรอบคันรถ บางคนอ้างว่าเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนที่ตัวถัง บางคนทำเพราะเห็นว่าสวยดี กรณีเช่นนี้ต้องระวังว่าสติกเกอร์หรือฟิล์มที่เอามาหุ้มตัวถังนั้น ไม่ทำให้สีของรถยนต์เปลี่ยนไปจากสมุดทะเบียนประจำรถ เพราะอาจจะทำให้ผิดกฎหมายได้ เช่นเดียวกันกับรถบรรทุกของเช่นรถปิกอัพตู้ทึบ ที่มักจะมีการเอาสติกเกอร์ลวดลายหรือข้อความต่างๆ มาปะติดจนเต็มไปหมด กรณีนี้ก็อาจจะทำให้เจ้าหน้าที่ตีความว่า สีของรถเปลี่ยนไปจากที่แจ้งไว้ก็เป็นได้ครับ

ท้ายที่สุดที่จะกล่าวถึงเรื่องของสีในวันนี้คือ ปัจจุบันมีรถบรรทุกจำนวนมาก นำหลอดไฟแบบแอลอีดีที่สามารถติดตั้งเป็นรูปร่างต่างๆได้ง่าย ไปติดรอบๆ คันด้วยไฟสีต่างๆ เมื่อวิ่งกลางคืนจึงดูราวกับโรงลิเกเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นการผิดกฎหมาย และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ เจ้าหน้าที่จึงต้องทำการจับกุมอย่างเคร่งครัดครับ