ท่องราตรี กับ 'Mini Aceman SE' ความสนุกที่หาได้จาก อีวี 

การมาของมินิ เอซแมน เอสอี (Mini ACEMAN SE) ก็ถือเป็นหนึ่งในแผนการรุกตลาดอีวีเพิ่มขึ้นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั้งเรื่องความหลากหลาย และความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น เช่น ระยะทางในการขับขี่ ที่ทำได้สุงสุด 405 กม. ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP จากแบตเตอรี ความจุ 54.2 kWh
ด้านสมรรถนะ 

• กำลังสูงสุด 218 แรงม้า
• แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร
• 0-100 กม./ชม.  7.1 วินาที
• ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม.

เมื่อเร็ว ๆ นี้ มินิ ชวนไปลองขับกันสั้น ๆ เป็นการขับขี่กลางคืน ซึ่งส่วนหนึ่งก็อยากจะให้ได้เห็นลูกเล่นเกี่ยวกับแสงสีต่าง ๆ เช่น ไฟท้ายลายยูเนี่ยนแจ๊ค หลังคากระจก พาโนรามิค กล๊าสรูฟ ที่เพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่งจากแสงไฟถนนที่แทรกตัวเข้ามา

และยังมี แอมเบียนท์ ไลท์ แอลอีดีที่ล้อมรอบ พาโนรามิค กล๊าสรูฟ ใต้คอนโซลหน้า และที่กระจกข้าง
รวมถึงมอนิเตอร์แบบกลมกลางคอนโซลหน้าที่เป็นหัวใจหลักในการออกแบบภายในมาแต่ไหนแต่ไร และมีลูกเล่นมากมาย ทั้งเรื่องของการแสดงผลแสดงข้อมูลต่าง ๆ หรือ สี หรือ รูปแบบ ที่เปลี่ยนไปตามการเลือก ซึ่งจะโดดเด่นมีสีสันมากขึ้นหากใช้งานช่วงกลางคืน 

จอแบบบางราว ๆ 1 ซม. ทำให้ดูเด่นขึ้น เพราะเหมือนกับลอยตัวขึ้นมาจากคอนโซลหน้า ซึ่งนอกจากแสดงข้อมูลต่าง ๆ ยังปรับเปลี่ยนรูปแบบและสีสันจากการเลือกโหมดการขับขี่ หรือโหมดแสดงหน้าจอที่เลือกได้เอง

เรียกว่าเป็นฟังก์ชัน MINI Experience Modes ที่สามารถปรับแต่งบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้ตรงกับคาแรกเตอร์ของเจ้าของรถแต่ละคน หรือเลือกคุมโทนตามโอกาสและอารมณ์ของการเดินทาง

นอกจากสีสัน บรรยากาศการขับขี่ในค่ำคืนที่รอบข้างเงียบ โดยเฉพาะหากเลือกเส้นทางการขับแบบผม ทำให้ได้ฟังเสียงของรถที่เป็นเสียงสังเคราะห์ได้ละเอียดยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นระบบเสียงเซอร์ราวด์จากฮาร์มัน การ์ดอน ซึ่งเลือกได้หลายเสียง จะเอาแบบเสียงเหมือนหนังไซไฟหรือเสียงกระหึ่มแบบเครื่องยนต์อารมณ์สปอร์ตก็ได้ 

และก็ยังมีโหมดสำหรับสายบันทิงสายปาร์ตี้ หากเปิดเพลงผ่านหน้าจอ OLED แล้วปาดนิ้วมือ 4 นิ้วบนหน้าจอ ก็จะเข้าสู่โหมดดีเจ ให้สแครชแผ่นกันได้เลย แบบไม่ต้องหากอุปกรณ์เสริมอะไร 

ส่วนการขับขี่มีโหมดให้เลือกหลายโหมด รวมถึงโหมด โก-คาร์ท (Go-Cart) ที่จะตั้งให้การตอบสนองของพวงมาลัยและคันเร่งเร็วขึ้น รถจะเพิ่มความกระฉับกระเฉง คล่องตัว และให้อารมณ์สปอร์ตมากขึ้น 
ส่วนโหมด เทรล (Trail) ที่หน้าจอจะแสดงข้อมูลเส้นทางแบบเข็มทิศ รวมถึงสภาพเส้นทางเรื่องขององศาความชัน 

และยังมีอีกหนึ่งลูกเล่นกับโหมด Personal ให้เลือกปรับแต่งบรรยากาศในห้องโดยสารได้ด้วยตัวเอง และยังสามารถอัพโหลดภาพอะไรก็ได้มาเป็นพื้นหลัง จะเป็นรูปตัวเอง คนรัก สัตว์เลี้ยง หรือต้นไม้ใบหญ้า ก็ตามใจ โดยะระบบจะปรับสีของไฟภายในห้องโดยสารให้ตรงกับโทนสีของภาพนั้นๆ โดยอัตโนมัติ 

มาที่การขับขี่ มีเวลาอยู่กับมินิราว ๆ 3 ชม. จากจุดนัดพบย่านต้นถนนกรุงเทพกรีฑา ผมใช้เส้นทางที่หลากหลายมีทั้งจราจรหนาแน่นแม้จะมืดค่ำแล้วก็ตาม คือกรุงเทพกรีฑา ร่มเกล้า มุ่งเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ได้รับรู้ถึงความคล่องตัวในการขับขี่ร่วมกับรถคันอื่น รู้ถึงอัตราเร่งที่มาได้เร็วตามสไลต์ของอีวี

บวกกับตัวรถขนาดกะทัดรัด ความยาว 4,079 มม. สูง 1,514 มม. กว้าง 1,991 มม. ฐานล้อ 2,606 มม. หนัก 1,710 กก. ก็ยิ่งเพิ่มความคล่องตัวมากขึ้น ขับสนุก ซอกแซกได้สบาย ๆ 

จากนั้นออกไปขึ้นทางด่วนบูรพาวิถี เส้นทางนี้ได้ลองไล่ความเร็ว เรียกว่าได้เร็วและต่อเนื่องครับ ไม่มีจังหวะหน่วง ซึ่งความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. ผมคิดว่าน่าจะใช้เวลาไม่นานก็ไปถึงจุดนั้นได้ 

ลงจากทางด่วนผมมุ่งหน้าเข้าไปถนนเส้นเอแบค บางเสาธง จากนั้นลัดเลาะไปตามเส้นทางชนบทเล็ก ๆ ที่จะไปผ่านวัดบัวโรย ไปออกมอเตอร์เวย์ 

เป็นเส้นทาง 2 เลนสวนทางแบบแคบ ๆ เกือบตลอดทาง และเต็มไปทางโค้ง กว้าง ๆ บ้า งแคบ ๆ บ้าง ไม่มีไหล่ทาง ไม่มีแสงไฟถนน แต่ไม่มีปัญหากับแสงไฟด้านหน้าที่สว่างจ้า  

เส้นทางนี้ได้ลองเรื่องของความคล่องตัว การทำงานของช่วงล่าง และความแม่นยำของพวงมาลัยของรถ ไม่จำเป็นต้องขับเร็วมากมายอะไร แต่การเข้าออกโค้งแคบ ๆ ที่ไม่มีไหล่ทาง ด้วยความเร็วที่แทบไม่ต่างกับทางตรง ก็เร้าใจใช้ได้ครับ

และทำให้รู้ว่าเป็นรถที่ขับสนุก การเซ็ทช่วงล่างมีอารมณ์ร่วมกับมินิที่คุ้นเคยมานาน มีความกระด้างให้รับรู้สภาพของผิวถนน มีความคมของพวงมาลัยและฟีลลิ่งแบบรถไปทั้งคันให้ความรู้สึกคล้ายกับการขับโกคาร์ท เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความกระเฉงที่เพิ่มขึ้นจากมอเตอร์ขับเคลื่อนล้อหน้าครับ 

ก็ถือว่าเป็นการพัฒนา เอซแมน โดยไม่ทิ้งดีเอ็นเอของมินิ ที่ขับสนุก คล่องแคล่ว และความกระด้างที่ถ้าใครไม่ชอบก็คงไม่ชอบ

แต่ถ้าใครที่อยากขับรถโดยรู้สึกว่าตัวเราเองกับรถนั้นเหมือนร่วมร่างกันแล้ว มินิ ก็เป็นคำตอบที่น่าสนใจครับ