'Nissan Kicks' ดีกว่าที่คิด
อี-เพาเวอร์ เพิ่มความคล่องตัวใช้งาน ช่วงล่างถูกใจคนนั่ง ไม่ขัดใจคนขับ
จะเรียกจะนิยามความหมายอะไรก็แล้วแต่ แต่เอาเป็นว่า เทคโนโลยี “อี-เพาเวอร์” ที่ติดตั้งในนิสสัน คิกส์ นั้นใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อน 100% ส่วนเครื่องยนต์ตัวเล็กๆ ที่อยู่ใต้ฝากระโปรงหน้านั้น เป็นเครื่องปั่นไฟ
ที่มาที่ไปของระบบนี้ก็คือ ต้องการเอาจุดเด่นของมอเตอร์ในด้านสมรรถนะมาใช้ในการขับเคลื่อน และเครื่องยนต์ก็ไม่ต้องใช้ขนาดใหญ่เพราะไม่ได้ขับเคลื่อนรถ แต่ทำหน้าที่ปั่นไฟ ซึ่งเป็นงานที่เบากว่าการปั่นล้อโดยตรง ซึ่งตามหลักการก็จะทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่า
การปั่นไฟโดยเจนเนอเรเตอร์จะส่งผ่านไปยังตัวแปลงไฟหรืออินเวอร์เตอร์ เพื่อป้อนให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า และป้อนแบตเตอรี่ ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์ โดยระบบจะทำงานอัตโนมัติเองว่าช่วงไหนจะส่งไปที่ไหน
การขับขี่ที่ไม่ต้องการกำลังมากนัก เข่นขับช้าๆ มอเตอร์จะรับไฟจากแบตเตอรี่ ซึ่งมีกำลังไฟเหลือน้อย เครื่องยนต์จะทำงานเพื่อชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ แต่ถ้าช่วงไหนต้องการกำลังมากๆ เช่น การออกตัวแรงๆ การเร่งแซง การปีนไต่ทางชัน มอเตอร์จะรับพลังงานจาก 2 ทาง คือจากแบตเตอรี่ และอินเวอร์เตอร์โดยตรง
นั่นคือหลักการหลักๆ ในการทำงาน ทีนี้เรามาดูกันที่การใช้งานจริงกันบ้างครับว่าจะเป็นอย่างไร
ลองกันยาวๆ ครับ กับเส้นทางหลากหลายรูปแบบ ทั้งในเมือง ชานเมือง ทางหลวงระหว่างจังหวัด เสนทางรอง ทางเล็ก ทางชนบท ทางราบ ทางเขา
เริ่มกันที่กรุงเทพฯ ย่านสาทร มุ่งหน้าออกถนนราชพฤกษ์ ถนนบรมราชชนนี ถนนเพชรเกษมยาวๆ ไปจนถึงแยกห้วยชินสีห์ ราชบุรี เพื่อลัดเลาะไปทางสวนผึ้ง ขึ้นเขาและลงเขามุ่งหน้าไปด่านมะขามเตี้ย และกาญจนบุรีในที่สุด รวมระยะทางแบบอ้อมๆ 450 กม. ก็เพื่อให้ได้ความหลากหลาย
เริ่มจากเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองกันก่อนเลย ผมลองขับหลายรูปแบบครับ จากกรุงเทพฯ ไปตลอดเส้นทางหลัก เพชรเกษม ก่อนเลี้ยวเข้าไปทางรอง ขับแบบพยายามทำตัวกลมกลืนกับรถบนท้องถนน ความเร็วระดับ 80-100 กม./ชม. สอดคล้องกับสภาพจราจร ยกเว้นตอนมุดซ้าย ขวาบ้าง หลบรถที่เกะกะอยู่เลนขวา (ขนาดผมขับแค่ 100) ช่วงนี้ได้อัตราสิ้นเปลืองประมาณ 21 กม./ลิตร ไม่เลวครับกับการขับที่ต้องเปลี่ยนความเร็วบ่อยๆ เบรกบ่อยๆ เร่งบ่อยๆ
จากนั้นในเส้นทางรอง เติมอารมณ์สปอร์ตให้กับตัวเอง การใช้คันเร่งดุดันขึ้น การเร่งบ่อยขึ้น ทั้งเร่งแซง และการปีนไต่ทางชัน การเติมคันเร่งออกจากโค้ง รวมถึงการลองไล่ความเร็วในช่วงถนนโล่งๆ ได้ตัวเลขออกมา 14 กม./ลิตร ก็ถือว่าใช้ได้กับการขับรูปแบบนี้ และเส้นทางที่มีการขึ้นลงเขายาวๆ
ทีนี้มาดูอารมณ์การขับขี่กันบ้าง ผมว่า คิกส์ ตอบสนองการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบอย่างน่าสนใจ ในเขตเมืองหรือถนนสายหลักที่จราจรหนาแน่น เราหาความคล่องตัวจากคิกส์ได้ ทั้งจากขนาดตัวรถที่กะทัดรัด และจุดเด่นของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้แรงบิด 260 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำๆ ทำให้สามารถเติมความเร็วได้ในเวลาสั้นๆ เพียงพอต่อการสอดแทรกเข้าในพื้นที่ว่างได้
ส่วนการเดินทางไกลๆ ทางโล่งๆ ก็สามารถเติมความเร็วได้รวดเร็ว ไม่มีจังหวะหน่วงในระดับความเร็วที่เหมาะควรกับการใช้งานทั้งสภาพถนนและกฎหมาย หรือจะแอบสูงขึ้นไปบ้าง ก็ยังตอบสนองได้ดี
และที่โดดเด่นชัดเจน คือ การขับขี่ในเส้นทางเขา เพราะมันโลดแล่นขึ้นเนินได้อย่างกระฉับกระเฉง และยังออกจากโค้งได้เร็ว แน่นอนช่วยให้การเดินทางได้เร็ว และสร้างอารมณ์สปอร์ตให้ผู้ขับขี่ได้
ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น ช่วงล่างออกแบบมารองรับได้ดี อาจจะไม่ได้ให้อารมณ์สปอร์ตเต็มตัว แต่เชื่อเถอะว่าให้อารมณ์ขับขี่ที่สปอร์ตได้ ขึ้นเขาลงเนิน เข้าโค้งออกโค้งได้สนุก
เป็นช่วงล่างที่เซ็ทมาให้ได้ทั้งอารมณ์สปอร์ตสำหรับผู้ขับ (อาจจะไม่ถึงอารมณ์สายสปอร์ตเต็มตัว) และความนุ่มนวลจากการดูดซับแรงสั่นสะเทือน ที่รู้สึกได้ชัดเจน เมื่อขับผ่านเส้นทางขรุขระ หรือมีอะไรขวางทาง เช่น ข้ามทางรถไฟ
อาจจะกล่าวได้ว่า ช่วงล่าง เซ็ตมาให้ตอบสนองทั้งผู้ขับ และผู้โดยสาร เหมาะกับการใช้งานส่วนตัว ใช้งานครอบครัว ใช้งานในเมือง และเดินทางออกต่างจังหวัดในทุกสภาพเส้นทาง
นอกจากเรื่องการขับขี่ คิกส์ ถือว่ามีความสะดวกสบายในการใช้งาน ห้องโดยสารถือว่ากว้างขวาง นั่งได้สบายทั้งเบาะหน้า เบาะหลัง และเบาะหลังก็พับได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ และหากบรรทุกของสูงๆ จนบดบังทัศนวิสัยด้านหลัง ก็ไม่ต้องห่วงเพราะกระจกมองหลังสามารถปรับเป็นแสดงภาพจากกล้องด้านหลังได้
และยังโดดเด่นที่การเก็บเสียงที่ทำได้ดีเกินคาด ค่อนข้างเงียบทีเดียวแม้จะใช้ความเร็วสูงพอควร และเครื่องเสียงที่ให้คุณภาพเสียงดีทีเดียว โดยคันที่ผมขับเป็นรุ่นท็อป วีแอล ติดตั้งลำโพง 6 ดอก
ความสะดวกในการใช้งานอีกอย่างของคิกส์ คือ ระบบวัน แพดเดิล หรือ การควบคุมการขับขี่โดยใช้คันเร่งเพียงอย่างเดียว ซึ่งหาได้จากบรรดารถไฟฟ้า เพียงแต่ว่ารายละเอียดการทำงานอาจจะต่างกันไปบ้าง
สำหรับคิกส์ วัน แพดเดิล จะทำงานเมื่อเลือกโหมดขับขี่ สมาร์ท (S) และ อีโค (E) ซึ่งจากการลองของผม ก็ยืนยันว่าใช้งานได้จริง โดยแทบจะไม่ต้องใช้เบรกเลย แต่ว่าถ้าเป็นช่วงที่จราจรหนาแน่น หรือในเมือง การเลือกโหมด E จะทำงานได้ดีกว่า เพราะการหน่วงเมื่อยกเท้าจากคันเร่งมีมากกว่า ระยะหยุดของรถสั้นกว่า แต่ถ้าเส้นทางโล่ง ทางระหว่างเมือง ใช้ S ได้ ไม่ยาก และที่สะดวกยิ่งขึ้นคือเส้นทางบนเขาครับ ไม่ต้องย้ายเท้าออกจากแป้นคันเร่งเลย เมื่อเห็นโค้งข้างหน้าก็แค่ถอนคันเร่งเท่านั้น
การถอนคันเร่งก็ตามสภาพเส้นทางครับ ถ้าโค้งไม่ลึกก็ถอนไม่น้อยๆ ถ้าโค้งลึกก็ถอนมากหน่อยเท่านั้นเอง
พูดว่าถอนนะครับ ไม่ใช่ยกเท้าจากคันเร่ง เพราะจะทำให้รถไม่ลื่นไหล เหมือนเรากดเบรกกะทันหันนั่นแหละครับ คนขับไม่เป็นไร แต่คนนั่งอาจจะหันมาค้อนเอาได้
ทั้งหมดนี้ไม่ยากครับ แค่ทำความคุ้นเคยกันพักเดียว ก็สามารถใช้คันเร่งของ วัน แพดเดิล ได้นุ่มนวล สนุกคนขับ ถูกใจคนนั่ง
และไม่ต้องกลัวใครมาชนท้าย เพราะเมื่อถอนคันเร่งจนชะลอตัว ไฟเบรกจะทำงานให้คันหลังได้เห็น
จุดขายอย่างหนึ่งของ คิกส์ คือ ภายในห้องโดยสารแบบทูโทน แต่ผมกลับไม่ชอบสีของเบาะ และแผงข้างประตูที่มันดูสว่าง และตัดกับสีดำเกินไป กับอีกอย่างหนึ่งก็คือ พลาสติกแผงข้างประตูสีดำ ที่ดูมีพื้นที่มากเกินไป
แต่รวมๆ แล้ว ก็รับได้ครับ และหากสรุปสั้นๆ ผม ให้คิกส์ สอบผ่านการใช้งานในเมืองไทย ได้สบายๆ ครับ