'มาสด้า บีที-50' สนุกได้ แม้อารมณ์สปอร์ตลดลง

'มาสด้า บีที-50' สนุกได้ แม้อารมณ์สปอร์ตลดลง

เป็นอีกคันที่หลายคนรอคอย หลังจากมีข่าวคราวเรื่องความร่วมมือกันระหว่างมาสด้ากับอีซูซุ พัฒนาปิกอัพ “มาสด้า บีที-50” จากนั้นก็มีข่าวเรื่องการเปิดตัวมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากมีการเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่ออสเตรเลีย

สถานการณ์ที่ไม่ปกติของเศรษฐกิจ ตลาดรถยนต์ รวมถึงการมาของโควิด-19 ทำให้สิ่งที่หลายคนคาดหวังว่าจะเห็นการเปิดตัวในปีนี้ของมาสด้า บีที-50 ต้องเลื่อนออกไป แต่ล่าสุดก็น่าจะแน่นอนแล้วว่าตลาดจะได้เห็น บีที-50 ใหม่ เร็วๆ นี้ หลังจากมาสด้าจัดกิจกรรม sneak preview เป็นการสัมผัสรถ ลองขับกันเล็กๆ น้อยๆ ยังไม่ได้เป็นการทดสอบเต็มรูปแบบ

บีที-50 รับผิดชอบการผลิต โดยอีซูซุ มอเตอร์ ประเทศไทย ซึ่งโครงสร้างหลักๆ ทั้งหมดเป็นของอีซูซุ ดีแมคซ์ ไม่ว่าจะเป็นแชสซีส์ เครื่องยนต์ ช่วงล่าง แต่อาจจะมีการปรับแต่งอะไรบ้างเล็กน้อย เรียกว่าความแตกต่างนั้นน้อยมาก

160921739880

สิ่งที่ต่างกัน คือ ตัวถัง และภายในห้องโดยสารที่มาสด้าเป็นคนออกแบบเอง โดยโครงสร้างตัวถังทั้งหมด รวมถีงกระบะท้าย บานประตู ห้องเครื่อง แตกต่างจากดีแมคซ์ทั้งหมด มีอย่างเดียวที่ใช้ร่วมกันคือ กระจกบังลมหน้าเท่านั้น

อ้อ อีกอย่าง สีแดงที่เห็น ไม่ใช่สีแดงของมาสด้าที่เห็นในรถหลายๆ รุ่นนะครับ แต่เป็นสีของดีแมคซ์ ส่วนสีของมาสด้าเอง คือ สีเทา และสีน้ำเงิน

160921739480

รูปทรงของรถดูดี และมีดีเอ็นเอของมาสด้า มองเห็นแต่ไกลก็รู้ว่าเป็นมาสด้า ซึ่งเป็นการออกแบบตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ที่ใช้ในรถรุ่นอื่นๆ

ฝากระโปรงหน้ายกสูง เพื่อเพิ่มมุมมองที่บึกบึน และใช้เส้นสายลากยาวเชื่อมตั้งแต่ด้านหน้าจนถึงท้ายรถ ซุ้มล้อที่เห็นชัดเจนดูหนักแน่น ไฟหน้าแอลอีดี ดูโฉบเฉี่ยวใช้ได้

รูปทรงภายนอกโดยรวม ผมว่าดูผสมผสานระหว่างสปอร์ตกับหรูหรา และได้แรงบันดาลใจมาจารถยนต์นั่งไม่น้อย และที่ชัดเจนกว่าคือ ภายในห้องโดยสาร ที่ได้อารมณ์จากรถยนต์นั่ง ดูเรียบง่าย แต่สวยงามดีครับ ใช้เส้นสายแนวนอนเป็นตัวคุมอารมณ์หลักที่คอนโซลหน้า เพิ่มมิติ ด้วยการจัดวางอุปกรณ์แนวตั้ง เช่น ช่องแอร์

ติดตั้งวัสดุบุนุ่มหลายจุด ทั้งคอนโซลหน้า ที่พักแขนข้างประตู กล่องเก็บของตรงกลาง รวมถึงบริเวณคอนโซลเกียร์ ทำให้การพักเข่ารู้สึกสบาย

160921740068

160921740236

มาตรวัดเลือกใช้แบบอนาล็อก ซึ่งเชื่อว่ายังมีหลายคนที่ชื่นชอบรูปแบบนี้ในยุคดิจิทัล ขณะที่จอแสดงผลที่กลางคอนโซลหน้ามีทั้งขนาด 7 นิ้ว และ 9 นิ้ว ส่วนจอแสดงผลมัลติ-อินฟอร์เมชั่น ดิสเพลย์ บริเวณมาตรวัดขนาด 4.2 นิ้ว

มีระบบเชื่อมต่อแอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ และบางรุ่นก็มีระบบควบคุมการทำงานด้วยเสียงติดตั้งมาให้ด้วย

พวงมาลัย ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง กุญแจรีโมท สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยรีโมทและมีฟังชั่นเปิดไฟในห้องโดยสารอัตโนมัติ (Welcome Light)

ด้านหลังมีมือจับเพื่อช่วยให้ผู้โดยสารแถวหลังขึ้น-ลงจากรถได้สะดวกขึ้น และรุ่นดับเบิล แค็บ มีช่องแอร์ด้านหลังและช่อง USB มาให้

160921740390

160921740599

เครื่องยนต์เหมือนกับ อีซูซู ดีแมคซ์ มีให้เลือก 2 รุ่น คือดีเซล 3 ลิตร ให้กำลังสูงสูด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที และเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที

เกียร์มีทั้งธรรมดา 6 สปีด และอัตโนมัติ 6 สปีด ช่วงล่างด้านหน้าอิสระปีกนกคู่ ด้านหลังเป็นแหนบ มีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อที่มาพร้อมระบบล็อคเฟืองท้าย

ออปชั่นหลักๆ ที่ให้มา เช่น ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ระบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบช่วยจอดที่มีเซ็นเซอร์ 4 ตัว ที่กันชนด้านหน้าและหลัง เพื่อช่วยกระระยะห่างให้ พร้อมระบบแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยเสียง ถุงลมคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลม รวม 6 ตำแหน่ง

ผมลองขับ 2 รุ่น คือ 1.9 ขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 3.0 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่เป็นการใช้โหมด 2 ล้อเท่านั้น โดยทั้ง 2 คัน เป็นรุ่น 4 ประตู 

เครื่องยนต์ทั้ง 2 ตัว และเกียร์อัตโนมัติทำงานได้ดี ลื่นไหล ไม่สะดุด แต่แน่นอน การเรียกกำลังตัว 3.0 ลิตร ฉับไวกว่า จากการขับในรูปแบบ สลาลอม และแทรคสำหรับทดสอบการทรงตัว การควบคุมรถ ที่มีโค้งหลายโค้ง ซึ่งต้องเปลี่ยนความเร็วบ่อยครั้ง จากการชะลอความเร็วหรือเบรกก่อนเข้าโค้ง และการเร่งออกจากโค้ง 

160921739330

160921739786

ในขณะที่ความคล่องตัวในการขับทั้งสลาลอม แทรคที่โค้งไปมา รวมถึงการเปลี่ยนเลนกะทันหัน ตัว 1.9 ขับเคลื่อน 2 ล้อ กระฉับกระเฉงกว่า อาจจะเป็นด้วยน้ำหนักที่เบากว่า ขณะที่การขับขี่ในเส้นทางตรง เท่าที่ระยะทางของสนามพอมี กดคันเร่งกันจมๆ แช่ยาวไป ได้ถึง 155 กม./ชม. ก่อนจะต้องยกคันเร่ง เพื่อเข้าสู่ทางโค้ง ซึ่งกำลังของเครื่องเยนต์มาได้เเรื่อยๆ แต่ไม่จัดจ้านนัก 

การทรงตัวของรถที่ทางตรง นิ่ง ไมมีอะไรน่าห่วง การควบคุมในทางโค้งกว้างด้วยความเร็ว 80-100 กม./ชม. ก็ยังสามารถคุมรถให้อยู่ในช่องทางได้ ขณะที่การขับสลาลอม เลนเชนจ์ หรือในแทรคทดลองการทรงตัวด้วยความเร็วที่มากกว่าการใช้งานปกติ ก็ยังสามารถควบคุมได้ ช่วงล่างยังจัดการได้ไม่มีปัญหา เพียงแต่อารมณ์ของความเป็นมาสด้าเมื่อเทียบกับตัวเดิมหายไปพอควร เนื่องจากรถมีการโยนตัวของตัวถังมากกว่า

160921739994

ถ้าพูดถึงความสามารถในการขับขี่ ก็ต้องบอกว่าทำได้ดี เกาะถนน และพวงมาลัยซึ่งเป็นไฮดรอลิค ก็มีความแม่นยำ ยังขับสนุกได้ พุ่งใส่โค้ง ลากความเร็วยาวๆในโค้งได้ แต่อย่างที่บอกไปนั่นแหละครับ อารมณ์สปอร์ตในเส้นทางแบบนี้ลดลงไป แต่ก็แลกมากับความนุ่มนวลที่เพิ่มขึ้น ขับสบายๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปัจจุบัน ตลาดต้องการแบบไหนมากกว่ากัน

แต่อย่างที่บอกว่าเป็นการลองกันสั้นๆ และหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ จะได้ลองขับกันจริงๆ อีกครั้ง ในเส้นทางจริงๆ และจะเอามาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งครับ