เบนซ์ อี 200 คูเป้ ขับสนุก นั่งสบาย สปอร์ต ไม่ทิ้งหรู

 

 

เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส คูเป้ จัดอยู่ในกลุ่ม ดรีม คาร์ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์  สร้างขึ้นจากพื้นฐานของอี-คลาส แต่ก็มีแนวคิดที่ต่างกันออกไปอย่างชัดเจน เน้นสปอร์ตมากขึ้น กระจังหน้าที่กดต่ำลง สอดคล้องกับรูปทรงโดยรวมของรถแนวคูเป้ ที่หน้าและท้ายลดลง และยังช่วยให้ฝากระโปรงหน้าดูยาวขึ้น และกระจกหน้าต่างแบบไร้กรอบทั้ง 4 บาน

เล่นกับเส้นสายน่าสนใจ จากด้านหน้าค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นทีละน้อย ก่อนยกสูงขึ้นไปตรงกระจกบังลมหน้า ไล่เส้นอย่างอ่อนช้อยไปตามแนวหลังคา ก่อนกดตัวลงต่ำ แต่มีพื้นที่ฝากระโปรงท้ายรองรับเป็นฐานไว้ ทำให้โดยรวมน่าจะตอบสนองได้ดีทั้งอารมณ์สปอร์ตตามแนวคิดของรถคูเป้ แต่ก็ไม่ทิ้งมุมมองที่ดูหรูหรา

และแม้จะเป็นรูปทรงคูเป้ แต่ก็จัดเป็นรถที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อย เบาะนั่งคู่หน้านั่งสบาย กว้างขวาง และทัศนวิสัยชัดเจนสำหรับผู้ขับขี่ ขณะที่เบาะนั่งแถวหลังก็ไม่มีปัญหาสำหรับผู้ใหญ่ โดยออกแบบให้เป็นแบบ 2 ที่นั่ง พร้อมที่วางแก้ว 2 ใบ ตรงกลาง

รูปทรงเบาะกระชับลำตัว ช่วยให้การเดินทางไกล ไม่เมื่อยล้า เพราะตัวไม่ถูกเหวี่ยงไปซ้ายทีขวาทีจนต้องเกร็งตัว ทำให้เมื่อยล้าได้ง่าย

พื้นที่เหนือศีรษะสำหรับเบาะหลัง ของรถรูปทรงคูเป้คันนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรเช่นกัน พื้นที่ว่างยังมีพอควร ขณะที่พื้นที่ว่างช่วงเข่าก็ยังห่างจากเบาะนั่งด้านหน้า และที่วางเท้าก็มีเหลือเฟือ

 

 

 

 

 

 

ซึ่งหากดูขนาดมิติตัวถัง ก็จะเห็นได้ว่า มันไม่เล็กนะครับ ตัวถังยาวถึง 4,846 มม. เลยทีเดียว

คนนั่งเบาะหลัง ไม่อึดอัดครับ จากพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้าง แต่อาจจะมีปัญหาบ้างสำหรับที่ชอบกินลมชมวิว อาจจะรู้สึกว่ามองภาพวิวทิวทัศน์ไม่สะสมใจ แต่ถ้าเป็นผู้ที่ชอบก้มหน้าก้มตาเล่นกับเทคโนโลยี ก็ไม่มีปัญหาอะไร

การเข้าออก แน่นอนจะให้สบายเหมือนรถ 4 ประตู คงไม่ได้ แต่ก็ไม่ติดขัดอะไร เมื่อดึงปุ่มควบคุมเพื่อเอนพนักพิงเบาะหน้าไปด้านหน้า ระบบจะสั่งให้ทั้งเบาะเลื่อนไปด้านหน้าอัตโนมัติ เพิ่มพื้นที่เข้าออกของเบาะหลังมากขึ้น รองรับด้วยการออกแบบประตูที่มีขนาดยาวเป็นพิเศษ และเปิดได้กว้างก็ช่วยได้เยอะ

ขณะที่พื้นที่ห้องเก็บสัมภาระก็กว้างกว่าที่คิด ออกแบบให้ลึกเข้ามา มีปริมาตรรวมๆ แล้ว 450 ลิตร ก็เรียกว่าถ้าเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อน 4 คน ก็มีพื้นที่เก็บสัมภาระหรือเสบียงกรังสบายๆ ส่วนการเปิด-ปิด ฝาท้ายเป็นแบบไฟฟ้า จะกดปุ่มหรือว่าจะแหย่เท้าเข้าไปใต้กันชนก็ได้

ส่วนออปชั่นหลักๆ อีกหลายอย่างทีเดียว เช่น

•          ไฟหน้า มัลติบีม แอลอีดี ปรับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ เลือกจุดตกกระทบของลำแสงไม่ให้รบกวนผู้อื่น แต่เพิ่มความสว่างในส่วนอื่นๆ ให้มากที่สุด เพื่อทัศนวิสัยการขับขี่ยามค่ำคืน ทำงานได้รวดเร็ว ไม่รอให้รถที่สวนมายกไฟเตือนกันแต่ไกล นอกจากนี้ก็ปรับลำแสงตามการหมุนพวงมาลัย ดังนั้นขับกลางคืน ก็สนุกในโค้งได้

 

 

 

 

 

•          ไฟขับขี่กลางวันแอลอีดี รูปทรงโฉบเฉี่ยว พุ่งขึ้นจากด้านในก่อนวิ่งออกด้านข้างเมื่อถึงขอบบนสุดของโคม

•          ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง โดยกระจกมองข้างด้านคนขับปรับลดแสงอัตโนมัติด้วย แก้ปัญหารถคันหลังที่ชอบเปิดไฟสูง หรือว่าตั้งระดับไฟไว้สูงเกินไป ไฟท้ายเป็นแบบ แอลอีดี

•          หลังคาพาโนรามิค ซันรูฟ เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า กว้างขวาง ช่วยให้ห้องโดยสารดูโปร่งโล่งขึ้นเมื่อเปิดม่านบังแดดในช่วงเวลาที่เหมาะสม ส่วนการเปิดหลังคากระจก คงต้องหาช่วงเวลาที่เหมาะสมกว่า

•          ภายในห้องโดยสารมีแอมเบียนท์ไลท์ที่ปรับได้ 64 เฉดสี 

•          ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 2 โซน

•          เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า โดยเบาะผู้ขับมีหน่วยจดจำตำแหน่ง

•          และการมีประตูที่ยาว ดังนั้นตำแหน่งของที่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยจึงห่างมือพอควร แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเอี้ยวตัวไปหยิบจนเอวเคล็ด เพราะมีระบบดันเข็มขัดมาให้ (Belt Feeder) เมื่อนั่งประจำที่

•          เบาะหลังพับแยกได้ 40:20:40 เผื่อต้องการบรรทุกสัมภาระที่มีขนาดยาว

•          จอแสดงข้อมูลสำหรับผู้ขับขี่เป็นจอขนาดใหญ่แบบไวด์สกรีน 12.3 นิ้ว แสดงข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบแล้วแต่จะเลือก

•          มอนิเตอร์ตรงกลางคอนโซลหน้า แบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว เรียกว่า 2 จอนี้แทบจะเชื่อมต่อกัน ดูละลานตาทีเดียว

•          การควบคุมระบบต่างๆ ทำได้จากหลายจุดทั้งที่คอนโซลเกียร์ แผ่นสัมผัสหรือ ทัชแพดที่คอนโซลเกียร์ หรือ ทัชแพดเล็กๆ อีก 2 ตำแหน่งบนพวงมาลัย ให้ผู้ขับใช้นิ้วโป้งควบคุมด้วยการถูขึ้นถูกลง หรือไปซ้าย-ขวา เพื่อเลือกก่อนกดยืนยัน ทำงานได้แม่นยำ เพิ่มความสะดวกมากที่เดียว ไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย

•          จุดเชื่อมต่อทั้งยูเอสบี และยูเอสบีซี และยังมีที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ระบบมัลติมีเดีย MBUX เครื่องเสียงคุณภาพดี ระบบสั่งงานด้วยเสียง ระบบเชื่อมต่อรถยนต์ (Mercedes me connect) ระบบโทรช่วยเหลือฉุกเฉิน

•          ระบบเชื่อมต่อ แอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้

•          ระบบช่วยเบรก เมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า

•          ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

•          ระบบจำกัดความเร็ว

•          ระบบเตือนแรงดันลมยาง

•          ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่

•          ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ

•          กล้องมองภาพขณะถอยจอดเห็นภาพชัดเจน และมีเส้นบ่งบอกทิศทางช่วยเหลือการประเมินของผู้ขับ

•          ถุงลม 8 ตำแหน่ง คู่หน้า 2 ตำแหน่ง ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง และม่านถุงด้านข้าง 4 ตำแหน่ง

เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และระบบต่างๆ บางส่วนครับ

 

อี 200 คูเป้ เอเอ็มจี ไดนามิค คันนี้ ติดตั้งเครื่องยนต์ เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1,991 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,650-4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 สปี (9G-Tronic) ไปขับเคลื่อนล้อหลัง

เป็นเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้ดี เรียกกำลังมาได้ง่ายๆ เร่งแซงได้รวดเร็ว ขณะที่การไต่ความเร็วขึ้นไปก็รวดเร็วเช่นกัน และสามารถไต่ได้แบบต่อเนื่องไม่สะดุด จนถึงระดับความเร็วใกล้เต็มลิมิต เท่าที่เส้นทางจะเอื้อให้ลอง

ผมชอบการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ไม่อิดเอื้อน และไม่ต้องรุนแรง ค่อยเติมน้ำหนักลงไปที่คันเร่ง ความเร็วก็มาได้ตามต้องการ

พวงมาลัยเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำได้ดี กระชับมือ และมีน้ำหนักที่ดี ระยะฟรีไม่มี ทำให้ควบคุมได้คล่องแคล่วคล่องตัว ไม่ว่าจะป็นการขับขีที่ต้องเปลี่ยนเลนไปมาบ่อยๆ หรือว่าการขับขี่ในทางโค้ง ทำให้ขับได้สนุก

โหมดการขับขี่ให้เลือก 5 แบบ คือ ECO, Comfort, Sport, Sport+ และ Individual เลือกกันตามใจชอบ แต่ส่วนใหญ่ผมใช้ คอมฟอร์ท แต่เมื่อขับขี่ส้นทางไกล ผมหันมาคบกับสปอร์ต เพื่อเพิ่มน้ำหนักพวงมาลัยให้มากขึ้น ส่วนการตอบสนองเครื่องยนต์ก็กระฉับกระเฉงขึ้น แต่จริงๆ แล้ว ถ้าจะเอาแค่เรื่องของกำลังแค่โหมด คอมฟอร์ท ก็เพียงพอแล้วครับ

ช่วงล่างเซ็ทมา แบบติดความนุ่มนวลมาด้วย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเท้าหนัก รองรับความความเร็วที่ต้องการได้ แบบนิ่งๆ ไม่มีอาการวอกแวก  ไม่ว่าจะเป็นช่วงการขับปกติ หรือจังหวะต้องเปลี่ยนช่องทาง หรือทางโค้งก็ตาม

แต่คนที่ชอบช่วงล่างแบบให้ความรู้สึกสปอร์ต อาจจะมองว่าเจ้ารุ่นน้องอย่าง ซี คูเป้ จะตอบสนองได้ดีกว่า

แต่ถ้าเป็นคนที่ต้องการความกลมกล่อม คือ สปอร์ตก็ได้ สบายก็มี กว้างขวาง เดินทางสะดวก ก็ต้องมาที่  อี-คูเป้ คันนี้แหละครับ