เปิดราคาฟอร์ด Ranger Everest ด้าน Raptor ยัดเครื่อง 3 ลิตร ปรับเสียง 3 ระดับ
ฟอร์ด เผยโฉมปิกอัพ Ranger – Everest – Ranger Raptor โฉมใหม่ อย่างเป็นทางการครั้งแรก โดย Raptor เป็นอีกจุดสนใจ เมื่อฟอร์ดตัดสินใจใส่เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เพิ่มความดุดันให้ปิกอัพสายลุยคันนี้
ทั้งนี้ ราคาฟอร์ด Ranger เจเนอเรชันใหม่ ราคาเริ่มต้น สำหรับรุ่นสปอร์ต 929,000 บาท เรนเจอร์ รุ่นไวลด์แทรค ราคาเริ่มต้น 999,000 บาท
Everest สปอร์ต ราคา 1,464,000 บาท เอเวอเรสต์ ไทเทเนียม+ ราคา 1,854,000 บาท
และ Ranger Raptor ที่ขยับเครื่องใหญ่ขึ้น ขยับราคาขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 1,869,000 บาท
ทั้งนี้ ฟอร์ด Ranger เจเนอเรชันใหม่มีรูปลักษณ์ที่ดูดุดัน แข็งแกร่ง และออกแบบมีเอกลักษณ์ มีความเป็นอเมริกัน ปิกอัพอยู่ไม่น้อยทีเดียวบนฐานล้อที่มีความยาว และความกว้างเพิ่มขึ้นอีก 50 มิลลิเมตร
กระจังหน้าโฉมใหม่ ไฟหน้าใหม่รูปตัว C แบบเมทริกซ์ แอลอีดี บันไดเหยียบข้างกระบะท้ายบริเวณด้านหลังล้อหลัง เพิ่มความสะดวกในการขึ้น-ลง กระบะท้าย
มีเครื่องยนต์ 2 ตัวเลือก ได้แก่ ดีเซล เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร และเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และตัวเลือกเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
ห้องโดยสาร แผงหน้าปัดใหม่ช่วยให้ภายในห้องโดยสารดูกว้างขวาง จอสัมผัสแนวตั้งขนาด 10.1 หรือ 12 นิ้ว เชื่อมกับกล้อง 360 องศา รวมถึงระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A ซึ่งเป็นระบบความบันเทิงรุ่นล่าสุดของฟอร์ด และแผงหน้าปัดดิจิทัลใหม่
ความกว้างที่เพิ่มขึ้นทำให้มีพื้นที่ระหว่างซุ้มล้อมากขึ้น กระบะท้ายจึงบรรทุกสัมภาระได้มากจึ้น พร้อมการออกแบบที่ช่วยให้ผู้ขับขี่จัดเก็บสิ่งของให้เป็นระเบียบได้หลากหลายรูปแบบและหลายขนาด และมีช่องจ่ายไฟในกระบะท้ายพร้อมช่องต่อไฟแบบ AC รองรับกำลังไฟถึง 400 วัตต์
และเป็นครั้งแรกที่ Ranger มีโหมดการขับขี่ถึง 6 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ ประหยัด ลากจูง และบรรทุก โหมดถนนลื่น โหมดโคลน โหมดทราย ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นฟีเจอร์ที่มีเฉพาะใน Raptor
ทั้งนี้ Ranger Wildtrak ราคาเริ่มต้นที่ 999,000 บาท
รุ่นสปอร์ต ราคาเริ่มต้นที่ 929,000 บาท
ด้านฟอร์ด Everest ยังคงออกแบบเน้นความเรียบหรู ระยะฐานล้อกว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร และระยะระหว่างล้อหน้าและหลังที่เพิ่มขึ้น มีทางเลือกเครื่องยนต์ คือ ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว หรือเทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกันกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
ภายในห้องโดยสารติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น แท่นชาร์จแบบไร้สาย เบรกมือไฟฟ้า เบาะนั่งแถวที่ 2 และ 3 ออกแบบมาให้พับได้ราบสนิทเพื่อการบรรทุกสัมภาระขนาดยาว
หน้าจอระบบสัมผัสแนวตั้งความละเอียดสูงขนาดใหญ่ 10.1 หรือ 12 นิ้ว พร้อมแผงหน้าปัดดิจิทัล 8 หรือ 12.4 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร SYNC 4A® เวอร์ชันล่าสุดของฟอร์ด รวมถึงการติดตั้งโมเด็มมาจากโรงงาน ทำให้ลูกค้าเชื่อมต่อกับรถได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส
ระบบช่วยเหลือการขับขี่เช่น ระบบช่วยจอด (Active Park Assist) 2.0 ได้ทั้งการจอดขนานและถอยเข้าช่องจอด ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน ทำงานจนกระทั่งรถหยุดนิ่ง (Adaptive Cruise Control with stop and go)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางผสานระบบตรวจจับขอบถนน ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง
Everest เจเนอเรชันใหม่ รุ่นไทเทเนียมพลัส มาพร้อมตัวเลือกสีภายนอก 6 สี ราคา 1,854,000 บาท
รุ่นสปอร์ต มี 7 สี ราคา 1,464,000 บาท
มาถึงตัวเด็ด อย่าง Ranger Raptor รุ่นที่สองได้รับการออกแบบและพัฒนาโดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เป็นครั้งแรก
ให้กำลังสูงสุด 397 แรงม้า ที่ 5,650 รอบ/นาที แรงบิด 583 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที ปรับแต่งโดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
ระบบไอเสียแบบแปรผันควบคุมไฟฟ้าเป็นครั้งแรกในรถปิกอัพ ช่วยให้ผู้ขับขี่ตั้งค่าเสียงได้ด้วยระดับความดัง 4 โหมด ได้แก่ โหมดเงียบ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต และโหมดบาฮา
ซึ่งโหมดนี้ ระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-Lag System - ALS) จะรักษาการหมุนของเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ความเร็วสูงต่อไปอีกถึง 3 วินาที หลังจากผู้ขับขี่ปล่อยคันเร่ง เพื่อให้รถคืนความเร็วได้รวดเร็วขณะเร่งออกจากทางโค้ง หรือระหว่างการเปลี่ยนเกียร์
ส่วนช่วงล่าง ทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ยังร่วมมือกับ FOX พัฒนาช่วงล่าง ปรับแต่งการทำงานของสปริงไปจนถึงการกำหนดความสูง การปรับแต่งวาล์ว ระดับการยืด-ยุบของโช้ค เพื่อสร้างความสมดุล
ช็อคแอบซอร์เบอร์ FOX แบบไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยใช้ใน Raptor สามารถในการปรับการทํางานได้แบบเรียลไทม โดยใช้เซ็นเซอร์รอบคัน ทําให้โช้คปรับค่าความหน่วงจากจุดปะทะต่างๆ ได้ถึง 500 ครั้ง/วินาที
มี 7 โหมดการขับขี่ ประกอบด้วย โหมดปกติ โหมดสปอร์ตและโหมดถนนลื่นสำหรับทางเรียบ และโหมดการขับขี่ออฟโรดอย่างโหมดหิน โหมดทราย โหมดโคลน และโหมดบาฮา
ห้องโดยสารตกแต่งรายละเอียดด้วยสีส้ม ‘โค้ด ออเรนจ์’ ตามแบบฉบับของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ บนแผงหน้าปัด การตัดขอบชิ้นส่วนหลักๆ ในห้องโดยสาร รวมถึงบนเบาะที่นั่งแบบสปอร์ต
ห้องโดยสาร ทำงานด้วยระบบดิจิทัลทั้งหมด ด้วยแผงหน้าปัดความละเอียดสูงขนาด 12.4 นิ้ว และหน้าจอแบบสัมผัสตรงกลางขนาด 12 นิ้ว แสดงผลการเชื่อมต่อและระบบความบันเทิงผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A® ช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ออฟโรด (Upfitter Switch) และหน้าจอแสดงผลสำหรับการขับขี่แบบออฟโรด
มีตัวเลือกสีภายนอก 4 สี ราคาเริ่มต้นที่ 1,869,000 บาท