ปรากฏการณ์ 'ลัลลาเบล'… อีกด้านมืดของสังคมไทย
โจษจันทั่วเมืองกว่า 2 สัปดาห์ปรากฏการณ์ข่าว "ลัลลาเบล" พริตตี้สาวที่ศพถูกทิ้งไว้คาล๊อบบี้คอนโดอย่าง "เลือดเย็น" จนเป็นปริศนาถึงสาเหตุการตาย
ภายหลังจากตำรวจและกองพิสูจน์หลักฐานเริ่มทยอยสืบสวน… ตรวจสอบ และคลี่คลายคดี ก็พบว่า “ลัลลาเบล” นั้นถูกมอมเหล้าอย่างหนักจนเสียชีวิต โดย “น้ำอุ่น” พริตตี้บอยวัย 25 และเพื่อนร่วมปาร์ตี้อีก 6 ราย…เป็นผู้ต้องหา
แม้ตำรวจจะมีการตั้ง 3 ข้อกล่าวหาหนัก คือ หน่วงเหนี่ยวกักขังจนผู้อื่นถึงแก่ความตาย… พาไปเพื่อกระทำอนาจาร และ ความผิดฐานกระทำอนาจาร รวมถึง ความผิดข้อหาซ่องโจรกับกลุ่มเจ้าของบ้านแล้ว… แต่คำถามที่ยังคาใจสังคมอยู่คือ “กินเหล้าอย่างเดียวแล้วถึงตายจริงหรือ??”…
ความชอบมาพากลของ “กองพิสูจน์หลักฐาน”… กับความเคลือบเคลงใจของสังคม เรื่องนี้ยังคงต้องเป็นที่พิสูจน์ต่อไปภายหลังจาก แม่ลัลลาเบล ทำเรื่องร้องต่อ “กระทรวงยุติธรรม” เพื่อตรวจสอบสาเหตุการตายอีกครั้ง…
นี่ไม่ใช่แค่เรื่อง พริตตี้สาว ถูกมอมเหล้าจนหัวใจวายตายโดยวัยรุ่นผู้คึกคะนองคนหนึ่ง… หากแต่สะท้อนอีกด้านมืดของสังคมไทยที่ด่างพร้อยและจำเป็นต้องรักษา…
ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผู้เป็นพ่อของลูกสาววัย 9 ขวบ ที่กำลังเติบโตสู่วัยแรกรุ่นท่ามกลางสังคมที่เรียกตัวเองว่ามี “อารยธรรม” แต่ “นิยมเพศพาณิชย์”… เหตุการณ์นี้จึงสร้างความน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง…กับสังคมที่มีประชากร 70 ล้านคน… มีความเจริญรุ่งเรืองในทุกมิติ มากว่า 1 พันปี… มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติดั่งคำกล่าว “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว”… มีความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ โดยตามประมาณการในปี 2562 GDP ของประเทศไทยมีมูลค่าราว 516,662 ล้านดอลลาร์สหรัฐ… ซึ่งเท่ากับ อันดับ 2 ในอาเซียนหรือเทีบเท่าความใหญ่กับอันดับ 25 ของโลก
มีศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติ… มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่สะท้อนถึงอารยธรรมและความงดงามของวิถีชีวิตมากมาย… มีวัดวาอารามกว่า 4 หมื่นแห่งทั่วประเทศ… มีพระสงฆ์กว่า 3.5 แสนรูป มีตำรวจผู้ควรผดุงความยุติธรรมกว่า 2.3 แสนนาย… มีกฎหมายที่ห้ามการค้ามนุษย์… ค้าประเวณี… และกระทำอนาจาร…
หากแต่จากข้อมูลของ Unicef ในการประชุมระดับโลกครั้งที่ 2 และการหาผลประโยชน์ทางการค้าทางเพศกับเด็ก (Second World Congress and Commercial Sexul Exploitation of Children) เมื่อปี พศ. 2544 ระบุว่า จำนวนโสเภณีเด็กในประเทศไทยมีจำนวนสูงถึงอันดับ 3 ของโลก โดยมีประมาณ 2 แสนราย และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากขยายตัวของอุตสาหกรรมบริการทางเพศในสภาวะสังคมปัจจุบันนั่นเอง…
ย้ำอีกครั้งนะครับ ว่านี่คือตัวเลขเมื่อ 18 ปีก่อน แหล่ะแค่เฉพาะโสเภณีเด็ก…
โดยปัจจุบัน… แม้ไม่เคยมีการเก็บสถิติอย่างเป็นระบบของสำนักงานสถิติแห่งชาติ แต่จากการคาดคะเนโดยองค์กรและสถาบันวิจัยต่างๆ ระบุว่า มีจำนวนผู้ให้บริการทางเพศใน “ทุกรูปแบบ” สูงถึง 2 ล้านคนเลยทีเดียว!!
หวังว่า กรณีปรากฏการณ์ “ลัลลาเบล” คงกระตุ้นสังคมให้ตื่นตัวอีกครั้ง กับเรื่องความจริงที่สะท้อนเสื่อมทรามทางศีลธรรมในสังคมไทยที่ผู้คนส่วนใหญ่ “ไม่อยากพูดถึง” หรือ “แกล้งไม่เห็น”… “ความจริงครึ่งเดียว” หรือ “เรื่องโกหก” ที่เรามัก “บอกเล่าสู่กันเอง” ว่า เมืองไทยคือเมืองพุทธ… เมืองยิ้ม… เรามีอารยธรรม… มีความศิวิไลซ์… มีประเพณีที่งดงาม… หากแต่ สถานบริการทางเพศยังเกลื่อนเมือง… พร้อมกับค่านิยมเรื่องเพศพาณิชย์และทัศนคติอุบาทว์ ว่าด้วยสโลแกน “เงินมาผ้าหลุด” ยังมีเต็มหัวใจ…
ส่วนด้าน “หญิงสาวชายหนุ่ม”… “พริตตี้เกิร์ล”… “พริตตี้บอย”… ผู้พร้อมสนองบริการก็หาใช่เข้าวงการอย่างน่าสงสารเพราะ ถูกหลอกมาทำ… หรือยากจนลำบากสถานการณ์บังคับมาเหมือนแต่ก่อนไม่!! บ่อยครั้งที่สาเหตุการเข้าสู่วงการสมัยนี้ เป็นเพราะ เรื่องค่านิยมผิดๆ ว่าใครๆ เค้าก็ทำกัน จนกลายเป็นอาชีพปรกติ… และการ “อยาก” มีเงินทองเพื่อซื้อความสะดวกสบาย เกินพอดีแก่ชีวิต…
งานบริการ “มิจฉาอาชีพ” ลักษณะนี้ จึงตอบโจทย์ เป็นอย่างดี… ด้วยเหตุผลว่า บนเส้นทางนี้ “เงิน” มันหาง่าย บนต้นทุนที่ต่ำเพราะไม่ต้องใช้สมองและการลงทุนใดๆ… ใช้เพียงร่างกายและวิญญาณเพียงเท่านั้น…
หวังว่า “คุณจุติ ไกรฤกษ์” รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนามนุษย์… คงไม่นิ่งเฉยและใช้โอกาสกระแส “ลัลลาเบล” นี้… เสนอนโยบายจัดระเบียบสังคมใหม่ พร้อมปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องควบคู่คุณธรรมให้กับเยาวชนไทยต่อไป