อำนาจกมธ.-สภาพบังคับ

อำนาจกมธ.-สภาพบังคับ

แม้จะอยู่ในช่วงที่ส.ส.ปิดเทอม แต่ทว่าความเคลื่อนไหวแถวรัฐสภาเกียกกายยังคึกคักไปด้วย การประชุมคณะกรรมมาธิการ(กมธ.)ชุดต่างๆ

โดยเฉพาะในวันนี้(30ต.ค.) ซึี่งกมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร หรือ “กมธ.ป.ป.ช.” ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธาน 

วาระสำคัญที่น่าจะมีการพูดถึงนั่นคือการเรียก พี่น้อง2ป.” คือ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม และ บิ๊กป้อม” พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯเข้าชี้แจงประเด็นการถวายสัตย์ไม่ครบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบไปยังการออกพ.ร.บ.งบประมาณ ซึ่งสภาฯได้เห็นชอบวาระ1ไปก่อนหน้านี้ 

ล่าสุดมีคำยืนยันจากทางฝั่ง2บิ๊กรัฐบาลแล้วว่าจะไม่เดินทางไปที่รัฐสภาอย่างแน่นอน โดยในส่วนของพี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร เลือกที่จะส่งหนังสือชี้แจงแทน  สอดรับกับท่าทีจากทางสำนักเลขาธิการนายกฯที่ส่งหนังสือไปยังกมธ.เกี่ยวกับความชัดเจนในเรื่องการใช้อำนาจเรียกบุคคลเข้าชี้แจง เนื่องจากเรื่องดังกล่าวได้มีการวินิจฉัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว

คอการเมืองที่ได้ติดตามข่าวสารในช่วงหลายวันที่ผ่านมา น่าจะทราบดีว่าประเด็นนี้เกิดคำถามเกี่ยวกับอำนาจของกมธ.ชุดต่างๆของสภาฯว่า  มีอำนาจเรียกใครก็ได้มาชี้แจงได้จริงหรือ?

เรื่องนี้ต้องไปเปิดดูรัฐธรรมนูญ แม้มาตรา 129 ระบุว่า กมธ.มีอํานาจเรียกเอกสารจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาแถลงข้อเท็จจริงได้ และดูเหมือนว่ากมธ.มีอำนาจมากจริงๆ แต่บรรดากูรูทั้งหลายต่างฟันธงว่า ก็ยังไม่ถึงกับมีสภาพบังคับเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แตกต่างจากรัฐธรรมนูญปี50 ตรงที่ยังมีการออกกฎหมายที่มีสภาพบังคับ เช่นพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยการออกคำสั่งเรียกของกมธ.สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา พ.ศ. 2554 หากไม่ยอมจัดส่งเอกสารหรือไม่มาแถลงข้อเท็จจริงก็จะมีความผิด

แต่ประเด็นสำคัญคือ เมื่อรัฐธรรมนูญเปลี่ยนแล้ว แต่กฎหมายเก่ายังอยู่ และไม่ใช่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการตีความว่า ตกลงกมธ.ยังมีอำนาจเรียกบุคคลเข้าชี้แจงหรือไม่

ขณะเดียวกันผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ว่าจะเป็น วิษณุ เครืองามรองนายกฯด้านกฎหมาย หรือ ชวน หลักภัยประธานสภาต่างระบุในทำนองเดียวกันว่า แม้กมธ.มีสิทธิในการเรียกบุคคลเข้าชี้แจง แต่ก็เป็นสิทธิของผู้ถูกเรียกเช่นกันว่า จะไปชี้แจงเอง ส่งหนังสือชี้แจง หรือให้ใครไปชี้แจงแทนก็ย่อมได้เช่นกัน... 

โดย...  ดารากร