กระตุ้นเศรษฐกิจรับมือ บริบทโลกเปลี่ยน

การเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบจากการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะแนวโน้มของสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นหาก โดนัลด์ ทรัมป์ กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว เป็นความท้าทายสำคัญที่ประเทศไทยต้องให้ความสนใจ การกระจายความเสี่ยงทางการค้า การสร้างพันธมิตรทางเศรษฐกิจใหม่ๆ และการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง จะเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ การลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่เอื้อต่อการลงทุน ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

คณะรัฐมนตรีสัญจร (ครม.สัญจร) ครั้งแรกของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีหลายโครงการที่ถูกนำมาพิจารณา เช่น โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ บริหารจัดการน้ำ เตรียมความพร้อมโครงการ และฟื้นฟูโครงการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย 3,000 ล้านบาท โครงการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ หมอกควัน รวมถึงโครงการใหญ่ที่เดิมจะเข้าสู่การพิจารณา ครม.ครั้งนี้ได้เลื่อนออกไป เช่น โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปัจจัยการผลิตชาวนาปีการผลิต 67/68 ไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ วงเงิน 3.8 หมื่นล้านบาท

เรามองว่า รัฐบาลต้องมองการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะปีหน้าที่มีความท้าทายมากมาย รวมไปถึงความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน ที่อาจมาถึงโดยไม่รู้ตัว รัฐบาลต้องวิเคราะห์แนวโน้ม และวางแผนรับมือท่ามกลางบริบทโลกที่เปลี่ยนรวดเร็ว ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้ยืดหยุ่น บริหารการคลังให้ดี บริหารหนี้สาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ใช้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ปรับได้รวดเร็วตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป