รัฐบาลไทย ระวังหมัดน็อก! แผ่นดินไหว ภาษีทรัมป์ เอนเทอร์เทนเมนต์ฯ

เปรียบเป็นนักมวย รัฐบาลไทยเวลานี้กำลังเข่าอ่อนยืนโงนเงนจากหมัดที่รัวเข้ามาไม่ยั้ง ขณะที่มึนงงการ์ดก็ตก แผนการชกก็ไม่มี ในไม่ช้าจะโดนหมัดน็อกจนต้องล้มทั้งยืน
เหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาที่ส่งผลมาถึงเมืองไทยเมื่อวันที่ 28 มี.ค.คือหมัดที่โดนเข้าเต็มๆ และทำประเทศไทยดังกระฉ่อนไปทั่วโลก ด้วยเหตุที่ตึก 30 ชั้นที่อยู่ในระหว่างก่อสร้างถล่มลงมาอย่างเหลือเชื่อ ต่อให้หลายฝ่ายออกมาอธิบายด้วยเหตุผลทางเทคนิคที่ยากที่จะเข้าใจ
แต่สิ่งที่ติดค้างในใจชาวบ้านคือ คำถามว่าเหตุใดตึกที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอื่นๆ จึงไม่พังทลายลงมาอย่างนี้ จึงไม่อาจห้ามความคิดของผู้คนที่ว่าตึกนี้คงมีความไม่ชอบมาพากล มีการทุจริตใต้โต๊ะกันอยู่เบื้องหลัง
ยิ่งเป็นตึกของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจเงินแผ่นดินด้วย กระแสวิพากษ์วิจารณ์จึงเป็นไปอย่างกว้างขวาง
ไม่อาจปฏิเสธว่าต่างชาติย่อมจะตั้งข้อกังขาเช่นเดียวกับประชาชนคนไทย การตั้งข้อสงสัยจะลามไปถึงนักลงทุนทั้งหลายที่จะเห็นเป็นประจักษ์ว่าประเทศนี้ขาดความโปร่งใส
หลังจากนี้การขุดคุ้ยจะตามมาอีกมาก ทั้งเรื่องบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นใครมาจากไหน ใครเป็นนอมินี ได้งานมาอย่างไร มีคุณภาพหรือไม่อย่างไร ทุกอย่างจะชี้ไปที่ปัญหาซ้ำซากของประเทศนี้คือปัญหาคอร์รัปชัน และปัญหาขาดการบังคับใช้กฎหมายในระบบราชการและในทุกวงการ
ดังนั้น ตราบใดที่รัฐบาลยังเนือยนิ่งกับการจัดการปัญหาคอร์รัปชัน หัวหน้ารัฐบาลและนักการเมืองยังกระทำการแบบศรีธนญชัยขาดความโปร่งใสไปทุกเรื่องย่อมยากจะจัดการปัญหาทั้งภัยพิบัติและปัญหาอื่นใดที่กระทบกับชะตากรรมของประชาชนตาดำๆ
ยิ่งไปกว่านั้นการจัดการในภาวะเผชิญภัยพิบัติ ตั้งแต่การแจ้งเตือน การอพยพคน การตั้งศูนย์กลางข่าวสารข้อมูลแบบ Singal command ไปจนถึงการเดินทางที่มีสภาพไม่ต่างจากจลาจลบนท้องถนน
เหล่านี้พิสูจน์แล้วว่ารัฐบาลมีฝีมือมากน้อยแค่ไหน ต่อให้ไม่มีเรื่องตึกถล่ม รัฐบาลก็ยังสอบไม่ผ่านเรื่องเหล่านี้อยู่ดี และไม่มีผู้ใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ
จะแก้ตัวว่าประเทศไทยไม่เคยเจอแผ่นดินไหวรุนแรงก็ฟังไม่ขึ้น เฉพาะแค่การแจ้งเตือนก็มะงุมมะงาหราจนสังคมเลิกสนใจกันไปแล้ว เพราะเขาหมดหวังกับการโกหกคำโต
อาฟเตอร์ช็อกหลังแผ่นดินไหวคือ ความหวาดผวา อารมณ์การจับจ่ายหายไป แม้จะในระยะสั้น ตลาดหุ้นก็ตกเอาๆ โดยเฉพาะหลักทรัพย์ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ซวดเซไปกับภัยพิบัติครั้งนี้
และที่กระทบต่อเนื่องคือตัวเลขนักท่องเที่ยวจะไม่เป็นไปอย่างที่คาด ภาพตึกถล่มกลางกรุงคงทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วนขยาดกับการมาเที่ยวเมืองไทยในระยะนี้ แค่นี้ก็พอจะทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไรในปีนี้
นี่แค่หมัดแรกของต้นปี แผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์และความท้าทายว่านายกฯ จะแสดงภาวะผู้นำอย่างแท้จริงได้หรือยัง หรือจะเพียงแสดงความหงุดหงิดปนความไม่รู้จริง จับต้นชนปลายไม่ถูกเหมือนคนเมาหมัด
หากนายกฯ จะพยายามเรียกความเป็นผู้นำให้ปรากฏบ้างก็ควรเริ่มจากการปลดรัฐมนตรีกระทรวงดีอีที่ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับดีอีเลย
หมัดอื่นๆ ที่จะติดตามมาและต้องตั้งรับให้ดีเพราะน่าวิตกกังวลยิ่ง คือภาษีศุลกากรแบบเอาคืน (Reciprocal Tariff) ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศในวันที่ 2 เม.ย.นี้
ซึ่งป่านนี้ก็คงจะรู้กันไปแล้วว่าประเทศไทยจะโดนสักกี่ดอก เพราะอยู่ในกลุ่ม Dirty 15 หรือกลุ่มประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกามากที่สุด
หมัดนี้จะฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง เพราะมูลค่าการส่งออกของไทยไปสหรัฐคิดเป็นเกือบร้อยละ 20 ของการส่งออกทั้งหมด
กิจการโดยเฉพาะเอสเอ็มอีจะต้องปิดตัวลงอีกเท่าไร คนจะตกงานกันขนาดไหน สินค้าจีนจะทะลักเข้ามาอีกเท่าไรจากปัจจุบันที่มูลค่าพุ่งไปกว่า 25% ของมูลค่านำเข้าแล้ว
รัฐบาลเตรียมการในเรื่องเหล่านี้หรือยัง เป็นคำถามที่รอคำตอบ ตัวเลขจีดีพีที่รัฐบาลฝันว่าขยายตัว 3-3.5% จะกลายเป็นฝันสลาย
วันนี้ภาคเอกชนพูดกันว่าปีนี้เศรษฐกิจจะขยายตัวไม่เกิน 2% หรือต่ำกว่านั้นด้วยซ้ำไป จนบัดนี้ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลมียุทธศาสตร์เชิงรุกที่จะรับมือการขึ้นภาษีของสหรัฐอย่างไร ทั้งจากนายกฯ กระทรวงพาณิชย์ หรือกระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้เกาหลีใต้ จีน และญี่ปุ่น จับมือร่วมกันแล้วเพื่ออำนวยความสะดวกแก่กันในเรื่องข้อตกลงการค้าเสรี ส่งเสริมการค้าระดับภูมิภาคและระดับโลกที่จะบรรเทาความรุนแรงจากมาตรการภาษีของทรัมป์
อินเดียและเวียดนามก็บินไปเจรจากับสหรัฐแล้ว ในขณะที่ประเทศไทยยังเงียบงัน ยังไม่นับว่าอาจจะโดนหมัดลูกหลงจากทางอียูด้วย จากข้อหาส่งชาวอุยกูร์กลับจีน
อีกหมัดที่สำคัญคือ ภัยธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปีนี้จะร้อนและแล้งมากไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา ผลกระทบที่เกิดเป็นวงกว้างและเกิดซ้ำซากกับเกษตรกร
รัฐบาลได้หาทางป้องกันและแก้ไขไว้เพียงใด หรือคิดแค่ว่าถึงเวลาค่อยหาเงินมาชดเชย มาประกันหรือพยุงราคาเหมือนที่ผ่านมา แล้วปล่อยให้ปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วม
คอยหลอกหลอนประชาชนอยู่ทุกๆ ปี ยังไม่นับรวมปัญหาผลผลิตภาคเกษตรที่ต่ำเตี้ยจนแข่งขันกับใครไม่ได้ซึ่งยังไม่ชัดว่ารัฐบาลจะแก้อย่างไร
หมัดสุดท้ายคือ หมัดการเมืองที่รัฐบาลมุ่งมั่นจะเอาให้ได้ในเรื่องเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รวบรัดผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียงวันเดียว
แถมเร่งรีบที่จะให้ผ่านวาระแรกก่อนปิดสมัยประชุมในอีกไม่กี่วัน ในท่ามกลางสภาวะอันล่อแหลมและเสี่ยงภัยทั้งหลาย รัฐบาลกำลังมุ่งมั่นทำสิ่งอันหาสาระไม่ได้ในขณะที่ปัญหาร้อยแปดที่สำคัญรอการแก้ไขยังไม่ได้รับการแตะต้อง ดันทุรังทำในสิ่งที่ยังไม่มีข้อมูลตัวเลข และความเป็นไปได้รองรับ
นี่จะเรียกว่าเป็นการลุแก่อำนาจและการลำพองใจที่เห็นว่าชนะด้วยเสียงข้างมากในสภาหรืออย่างไร ระวังให้ดีหมัดนี้จะมาจากประชาชนที่เขาไม่เห็นด้วย ที่พร้อมจะลงถนนเมื่อเห็นว่ารัฐบาลรวบรัดไม่ฟังเสียงผู้คน
หมัดนี้อาจจะกลายเป็นหมัดน็อกอย่างที่รัฐบาลคาดไม่ถึง หมัดบางหมัดเกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติหรือหมัดจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งก็จะต้องวางแผน ตั้งการ์ด และรับมือให้ดี รัฐบาลก็ยังไม่ทำให้ปรากฏ หนำซ้ำยังออกหมัดมาชกหน้าตัวเองอย่างกรณีกาสิโน ที่เร่งรีบจนส่อพิรุธ
สิ่งที่ประชาชนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญเป็นปัญหาใหญ่ กลับไม่อยู่ในสายตาของนักการเมือง เหมือนอยู่กันคนละโลก รัฐบาลจึงพึงสังวรและระวังหมัดน็อกไว้ให้ดี อะไรๆ ย่อมเกิดขึ้นได้เหมือนแผ่นดินไหวใจกลางเมือง.