สีจิ้นผิง:ปราบคอร์รัปชัน ต้องปราบเสือและแมลงวันไปพร้อมกัน
ไปเมืองจีนช่วงนี้ ถ้าคุณมีเพื่อนคนจีน ถามเขาเรื่อง ตีเสือกับแมลงวันพร้อมกัน ของท่านผู้นำสีจิ้นผิง
จะได้ฟังนโยบาย “ปราบคอร์รัปชัน” อย่างเข้มข้นที่กำลังเป็นข่าวคราวพาดหัวหนังสือพิมพ์และข่าวนำทางทีวีอย่างครึกโครม
สีจิ้นผิงประกาศเป็นนโยบายเสียงดังฟังชัดว่า
习近平:反腐要“老虎”“苍蝇”一起打
แปลว่า “การปราบปรามการทุจริตจะต้องตีเสือและแมลงวันไปพร้อมกัน”
สองอาทิตย์ที่ผ่านมา คนระดับนายพล, กรรมการกลางพรรค, รัฐมนตรี, ผู้นำระดับมณฑลไม่น้อยกว่า 15 คนถูกปลด และโดนข้อหาทุจริตประพฤติมิชอบกันถ้วนหน้า
เขาไม่มี ป.ป.ช. แต่มี “คณะกรรมการกลางตรวจสอบวินัย” หรือ Central Commission for Discipline Inspection (CCDI) ที่ทรงอิทธิพลสืบสวนสอบสวนและตั้งข้อหาได้แม้กระทั่งระดับสมาชิกสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ที่ฮือฮามากเพราะรายล่าสุดที่ถูกตั้งข้อหาคอร์รัปชันนั้นคือ “สูไฉโฮ่ว” (Xu Caihou徐才厚) ซึ่งมีตำแหน่งสูงมาก เคยเป็นถึงหนึ่งในกรรมการกรมการเมืองหรือ Politburo ของคณะกรรมการกลางพรรค (1 ใน 25 ผู้นำทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศจีน) และเป็นรองประธานของคณะกรรมการกลางทางทหาร (เบอร์สองของกองทัพจีน) เกษียณปีที่แล้ว แต่ถูกไล่ออกจากพรรค และตั้งข้อหารุนแรงว่าเรียกเงินจากนายทหารเพื่อแลกกับการเลื่อนหรือโยกย้ายตำแหน่ง
ภาษาทางการของจีนคือ “ผิดวินัยอย่างร้ายแรง” ซึ่งเป็นที่เข้าใจในช่วงนี้ว่าหมายถึงพฤติกรรมฉ้อฉลและโกงกินในตำแหน่งนั่นเอง
อีกคนหนึ่งที่โดนข้อหาหนักพอกันคือ นายซูหรง (Su Rong苏荣) อดีตรองประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ ถูกตั้งกรรมการสอบได้เพียง 11 วันก็ถูกปลดและตั้งข้อหาโกงกินเหมือนกัน
การกวาดล้างครั้งใหญ่นี้กระทบทุกระดับชั้น เลขาธิการพรรคซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งของเมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้งอย่าง นายว่านชิ่งเหลียง (Wan Qingliang万庆良) ก็ถูกสอบสวนพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต
กรณีนายว่านชิ่งเหลียง น่าสนใจเพราะเคยถูกมองเป็น “ดาวรุ่ง” รุ่นใหม่ อายุเพียง 50 และตอนที่ได้เป็นนายกเทศมนตรีเมืองกว่างโจวนั้น ก็เพิ่งจะ 46 แต่ก็ไม่วายถูกพรรคกล่าวหาว่าได้ใช้หน้าที่เพื่อกอบโกยผลประโยชน์เข้าหาตัว
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทน้ำมันแห่งชาติของจีน ก็โดนสอยด้วยข้อหาคอร์รัปชันหนักหน่วง เขาคือ เจียงเจี๋ยหมิ่น (Jiang Jiemin蒋洁敏) ประธานของ National Petroleum Corporation (CNPC) และผู้บริหารระดับรองลงมาอีกหลายคนก็โดนสอบสวนเช่นกัน
ปฏิบัติการ “ล้างบาง” ผู้บริหารทั้งในพรรค รัฐบาล และรัฐวิสาหกิจระดับสูงของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงครั้งนี้ ต้องเรียกว่าเป็นการปราบปรามต่อต้านพฤติกรรมฉ้อฉลครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ในระดับรองลงมา เจ้าหน้าที่รัฐหลายคนถูกจับพร้อมรูปกำลังมีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงหรือโสเภณีขณะมีตำแหน่งสำคัญ
บางคนฆ่าตัวตายทันทีที่ถูกจับได้
และคนที่เป็นแกนสำคัญในการรณรงค์ต่อต้านการโกงกินระดับชาติครั้งใหญ่คราวนี้คือ มือขวาคนสำคัญของสีจิ้นผิง นั่นคือ หวัง ฉีซาน (Wang Qishan王岐山) ในฐานะเป็นหัวหน้าใหญ่ของ CCDI อันทรงอิทธิพลและเป็นหน่วยงานระดับชาติหลักที่ออกกวาดล้างคอร์รัปชันทุกระดับ
แน่นอนว่าจะต้องมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า สีจิ้นผิง กำลังยืมมือหน่วยปราบการทุจริตประพฤติมิชอบ มาจัดการกับศัตรูทางการเมือง เพื่อสร้างฐานการเมืองของตน
โดยเฉพาะในกรณีที่ นายโจวหยงคัง (Zhou Yongkang 周永康) อดีตเป็นระดับผู้นำอีกคนหนึ่งของพรรค เกษียณเมื่อสองปีก่อนและถูกสอบในข้อหาคอร์รัปชันหลายกระทง
มีคนมองว่าโจวหยงคัง ถูกเด้งเพราะเคยสนับสนุน นายป๋อซีหลาย (Bo Xilai薄熙来) อดีตหมายเลขหนึ่งของมณฑลฉงชิ่ง ซึ่งถูกจับขึ้นศาลข้อหาโกงกินและได้รับโทษติดคุกไปแล้ว
ข่าวบอกว่าคนในครอบครัวและบริวารเกือบ 300 คนก็ถูกสอบสวนเกี่ยวกับเครือข่ายการเล่นเส้นสายและโกงกินอย่างกว้างขวาง
รายชื่อทั้งหมดนี้ต้องถือว่าเป็น “เสือ” ตัวใหญ่ที่สีจิ้นผิงประกาศว่าจะต้องจัดการพร้อม ๆ กับ “แมลงหวี่แมลงวัน” ในการปราบปรามคอร์รัปชันประชาชนเชื่อจริง ๆ ว่าที่ผู้นำคนนี้ประกาศตั้งแต่รับตำแหน่งว่าจะปราบปรามการโกงกินให้สิ้นซากนั้นเป็นนโยบายแน่นอน ไม่ใช่แค่พูดให้ไพเราะและปราบได้เฉพาะระดับล่าง ๆ เท่านั้น
คนจีนเบื่อหน่ายกับคอร์รัปชันในสังคมจีน ที่แปรสภาพจากคอมมิวนิสต์เป็นระบบ “การตลาดแบบสังคมนิยม” (ซึ่งก็คือทุนนิยมกลายพันธุ์นั่นเอง) ดังนั้น หากผู้นำคนนี้สามารถทำให้เห็นว่าพร้อมจะเป็นอัศวินมาจัดการกับผู้มีบารมีทั้งหลายที่โกงกินบ้านเมืองทุกระดับ สีจิ้นผิง ก็อาจเป็นวีรบุรุษยุคใหม่ของพวกเขาได้
เมืองไทยยังไม่เห็นมีใครกล้า “ทุบเสือและจับแมลงวันพร้อมกัน” เลยครับ