ทรัมป์ถามทำไม ‘ซามูไร’ ไม่จัดการ ‘คิมน้อย’?
วันที่โดนัลด์ ทรัมป์บินไปลงฐานทัพอากาศ “โยโกตะ” ที่ญี่ปุ่นเพื่อเริ่มต้นการเยือนเอเชีย 5 ประเทศนั้น
ข่าวพาดหัวใหญ่หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ Japan Times อ้างแหล่งข่าวบอกว่า
“ทรัมป์บอกญี่ปุ่นควรจะได้ยิงสกัดขีปนาวุธโสมแดงเหนือน่านฟ้าญี่ปุ่น!”
เป็นข่าวที่สร้างความฮือฮาไม่น้อย และแม้จะไม่มีการระบุว่าใครเป็นคนเปิดเผยเรื่องนี้ คนที่ติดตามวิธีคิดของผู้นำสหรัฐคนนี้ก็คงไม่แปลกใจนักกับความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะพูดอย่างนี้
หากเป็นจริง ทรัมป์คงหมายถึงตอนที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามหัวญี่ปุ่นตอนเหนือเมื่อหลายเดือนก่อนไปหล่นลงในมหาสมุทรแปซิฟิก
และหากญี่ปุ่นตัดสินใจทำอย่างนั้นจริง โลกวันนี้อาจจะไม่ได้สงบอย่างที่เป็นอยู่ก็ได้
โพสต์การ์ดจากเปียงยาง: เกาหลีเหนือฟาดฟันมะกันแน่ๆ!
แหล่งข่าวที่ว่านี้อ้างว่าทรัมป์สำทับด้วยว่าญี่ปุ่นเป็นชาติ “ซามูไร” ไฉนจึงยอมให้เกาหลีเหนือยิงอะไรข้ามหัวไปได้อย่างนั้น
เท่ากับเป็นการตอกย้ำว่าทรัมป์มองว่าต่อแต่นี้ไปญี่ปุ่นจะต้องป้องกันตัวเองทางด้านทหารแล้ว จะหวังพึ่งพาสหรัฐอย่างที่เป็นมาตั้งแต่ยุติสงครามโลกครั้งที่สองคงไม่ได้
ทรัมป์คุยกับนายกฯชินโซะ อาเบะของญี่ปุ่นหลายรอบ ไม่มีอะไรชัดเจนว่าผู้นำญี่ปุ่นจะตัดสินใจว่าหากเกาหลีเหนือทดลองขีปนาวุธครั้งใหม่ ญี่ปุ่นจะยิงสกัดอย่างฉับพลันหรือไม่
และหากเกิดการปะทะกันกลางอากาศ, จะเกิดอะไรขึ้น?
หากพลาด, ญี่ปุ่นจะต้องเสียหน้าเพียงใด?
ทั้งยังมีคำถามว่าต่อแต่นี้ไป สหรัฐภายใต้การนำของทรัมป์ไม่คาดหวังว่าพันธมิตรอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ไม่ต้องปรึกษาหารือกันเองก่อนที่จะสั่งการให้ใช้มาตรการทางทหารเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือใช่หรือไม่?
โอกาสจะเกิดสงครามกับเกาหลีเหนือมีกี่เปอร์เซ็นต์?
อดีตผู้อำนวยการซีไอเอประเมินว่าน่าจะอยู่ที่ 20-25%
นายโจวล์ วิท ผู้เชี่ยวชายกิจการเกาหลีของมหาวิทยาลัยยอห์น ฮอบกิ๊นส์บอกว่าโอกาสเกิดสงครามมี 40%
นายริชาร์ด ฮาสส์ ประธานสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสหรัฐพยากรณ์ว่าโอกาสเกิดสงครามระหว่างสหรัฐกับโสมแดงถึงวันนี้อยู่ที่ 50-50
แต่ดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่ในอเมริกายังมีอาการเฉยๆ กับวิธีการของทรัมป์ที่ดูเหมือนจะไม่สามารถหาทางออกทางการทูตได้ถึงวันนี้
ก่อนทรัมป์ออกจากวอชิงตันเพื่อเดินทางเยือนเอเชียครั้งแรกตั้งแต่รับตำแหน่ง เกาหลีเหนือก็ออกข่าวอย่างเป็นทางการว่าจะไม่มีการเจรจาต่อรองกับสหรัฐแต่อย่างใดทั้งสิ้น
มีการประชุมจากฝ่ายวิจัยของสภาคองเกรสสหรัฐเมื่อเร็วๆ นี้ว่าหากเกิดสงครามในคาบสมุทรเกาหลีอีกครั้ง จะมีคนตายไม่น้อยกว่า 300,000 คนในสองสามวันแรกของการเปิดศึก (ในกรณีที่ไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ยิงใส่กัน)
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้อาวุธนิวเคลียร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ประเมินว่าอาจจะมีคนตายเป็นล้านในวันแรกของสงคราม
ต้องดูผลการพูดจาระหว่างทรัมป์กับสีจิ้นผิงของจีนที่ปักกิ่งว่าจะมีอะไรใหม่ในการแก้วิกฤตเกาหลีเหนือหรือไม่
แต่ดูแล้วผมก็ไม่ได้มีความหวังว่าจะมีแสงสว่างที่ปลายถ้ำเพราะทั้งทรัมป์และคิมจองอึนต่างก็ยังฮึ่มๆ ใส่กัน ไม่มีใครยอมถอย และทั้งสองฝ่ายยังไม่ยอมรับข้อเสนอของจีนกับรัสเซีย
ที่ให้ถอยกันคนละก้าวด้วยวิธีการ double freeze หรือการแช่แข็งพฤติกรรมของตัวเองเพื่อนำไปสู่โต๊ะเจรจา
ไม่มีใครต้องการสงคราม แต่ดูท่าทีของทรัมป์และคิมแล้ว, ถึงนาทีนี้โอกาสเกิดสงครามยังสูงกว่าการบรรลุข้อตกลงทางการทูตอยู่ดี!
(ปริศนาได้รับคำเฉลยเมื่อทรัมป์พูดที่โตเกียวหลังคุยกับอาเบะว่าถ้าญี่ปุ่นซื้ออาวุธราคาแพงจากสหรัฐเมื่อใด ก็จะมีความสามารถสกัดขีปนาวุธเกาหลีเหนือกลางอากาศได้ทันที...ที่แท้ทรัมป์ก็แค่จะขายอาวุธให้พี่ยุ่นเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรสลับซับซ้อนเลย ให้ตายเถอะ!)